หุ้น BTS ร่วงหนักเกือบ 10% หวั่นต่อสัมปทานไม่ได้ ตั้งสำรองสูง-บ.ลูกขาดทุนหนัก

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ้น BTS ร่วงหนักเกือบ 10% หวั่นต่อสัมปทานไม่ได้ ตั้งสำรองสูง-บ.ลูกขาดทุนหนัก

Date Time: 30 ม.ค. 2567 15:42 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • หุ้นบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BTS ปรับตัวลดลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อประเด็นความเสี่ยงต่างๆ ทั้งเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว การตั้งสำรองจากมูลค่าเงินลงทุน การชำระคืนหุ้นกู้ครบกำหนด ความสามารถในการจ่ายปันผล และโอกาสการชำระคืนหนี้จากกรุงเทพมหานคร (กทม.)

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BTS ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (30 ม.ค. 67) ปรับตัวลดลงอย่างหนัก -7.52% หรือลดลง 0.50 บาท มาอยู่ที่ 6.15 บาทต่อหุ้น ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อประเด็นความเสี่ยงต่างๆ ทั้งเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว การตั้งสำรองจากมูลค่าเงินลงทุน การชำระคืนหุ้นกู้ครบกำหนด ความสามารถในการจ่ายปันผล และโอกาสการชำระคืนหนี้จากกรุงเทพมหานคร (กทม.)


กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า ราคาหุ้น BTS ที่ปรับตัวลดลงมาวันนี้ หลักๆ มาจากความไม่แน่นอนของธุรกิจในระยะยาว ที่อาจไม่เป็นอย่างที่นักลงทุนคาดหวัง โดยเฉพาะประเด็นการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะสิ้นสุดในปี 2572 ซึ่งหากไม่สามารถต่อสัญญาได้ จะต้องติดตามโครงสร้างสัมปทานใหม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด หากเป็นเพียงสัญญาการจ้างเดินรถ จะมีโอกาสทำให้ BTS ได้รับผลตอบแทนลดลงจากปัจจุบัน


ขณะเดียวกัน ยังมีความกังวลในประเด็นการตั้งสำรองจากการด้อยค่าจากมูลค่าเงินลงทุนของ BTS เช่น การลงทุนในหุ้นของ KEX, JMART และ SINGER ซึ่งช่วงที่ผ่านมานั้นอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังนัก อาจส่งผลให้ต้องมีการตั้งสำรองสูง กดดันผลประกอบการให้มีผลขาดทุน กระทบต่อความสามารถในการจ่ายปันผล ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการประกาศออกมา


นอกจากนี้ BTS ยังมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2567 หลายชุด รวมมูลค่ากว่า 1.27 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเม็ดเงินที่สูง และมีความยากในการระดมทุนเพื่อชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิมให้ครบ จากปัจจุบันความน่าสนใจในหุ้นกู้ของ BTS ลดลง ตามความไม่แน่นอนของธุรกิจ และราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง


สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมามากวันนี้ ไม่แนะนำให้นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้น BTS เข้าลงทุน จากความไม่แน่นอนของการต่อสัญญาสัมปทานสายสีเขียว ที่จะกระทบต่อความสามารถในการจ่ายปันผล และหากมีการตั้งสำรองในระดับสูงจริง ก็อาจทำให้ผลประกอบการพลิกขาดทุน หรือหักล้างกำไรสะสมที่มีอยู่ได้ ภาพรวมดังกล่าวทำให้แม้ราคาหุ้นจะลดลงมาแรง ก็ไม่ทำให้จูงใจในการเข้าลงทุน ส่วนนักลงทุนที่กำลังถือ ไม่แนะนำให้เข้าลงทุนเพิ่มเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน และติดตามผลประกอบการและแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตอย่างใกล้ชิด


ด้าน ปริญญ์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า การปรับตัวลดลงของราคาหุ้น BTS วันนี้ มาจากความไม่ชัดเจนของปัจจัยเดิมๆ ที่เคยกดดันราคาหุ้นก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย ประเด็นการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังคงมีความไม่ชัดเจนจนถึงวันนี้


ขณะเดียวกัน บางประเด็นก็ดูดีขึ้น อย่างโอกาสในการชำระหนี้คงค้าง 2.3 หมื่นล้านบาทจาก กทม. โดยมองว่ามีข้อดีคือ หากได้รับการชำระคืน บริษัทจะมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น และหากนำเงินส่วนนี้ไปชำระคืนหนี้ส่วนอื่น ซึ่งน่าจะสามารถลดดอกเบี้ยจ่ายได้ราว 900 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการ ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนถึง 3 วาระ จึงจะสามารถพิจารณาจ่ายได้


ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ให้คำแนะนำการลงทุนในหุ้นของ BTS ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาเยอะวันนี้ บางคนอาจคิดว่าเป็นโอกาส แต่เรามองว่าเป็นความเสี่ยง เนื่องจากยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนอีกมากที่ยังต้องรอความชัดเจน


นอกจากนี้ ยังมีความกังวลในประเด็นเชิงการลงทุนในหุ้นต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ของ BTS ซึ่งปัจจุบันยังถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยง จากภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ได้สดใสนัก


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ