ภายใต้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง ถือเป็นปัจจัยท้าทายสำหรับการลงทุนในปี 2567 นี้ ดังนั้น กลยุทธ์การจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะสามารถลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน และให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ แต่ในภาพรวมคาดว่าจะอยู่ในภาวะชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการถอนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนเศรษฐกิจไทย เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวช้าต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวและส่งออก ถือเป็นความหวังสำคัญ โดยประเด็นสำคัญของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่การเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มโตช้า ทั้งจากปัญหาโครงสร้างประชากร และความสามารถความสามารถในการแข่งขัน
อีกประเด็นที่สำคัญ คือนโยบายรัฐที่ยังมีความไม่แน่นอนพอสมควร โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องระมัดระวังนโยบายการเงินมากขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ที่ระดับ 2.9-3.7%
ด้าน ทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ในปี 2567 แนะนำลงทุนเต็มอัตรา โดยมองว่า “ตราสารหนี้ทั่วโลก” เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนที่สุดในปีนี้ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีผลตอบแทนไม่แพ้การลงทุนในหุ้น จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับสูง ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนได้ที่ระดับ 10% ปัจจุบันมองว่ามี Valuation ที่ไม่แพง มีอัตราส่วน P/E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยระยะยาว พร้อมกับยังมีปัจจัยหนุนที่สำคัญอีกมาก
อย่างไรก็ตาม KKP แนะนำเพิ่มน้ำหนัก (Overweight) ในตลาดหุ้นไทยครั้งแรกในรอบ 15 ปี โดยมองระยะสั้น 1 ปี มีโอกาสปรับตัวขึ้นมากกว่าปรับตัวลง โดยประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET index ที่ 1,400 จุด พร้อมกันนี้ แนะนำลงทุนหุ้นในตลาดเกิดใหม่นอกตลาดหุ้นจีน เช่น ตลาดหุ้นอินเดีย ที่มีความน่าสนใจ จากสามารถเติบโตได้ถึงโต 7%
ทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า การลงทุนโดยเน้นกระจายความเสี่ยงไปในหลายสินทรัพย์ หรือ Asset Allocation ยังสามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนะนำให้มีการจัดพอร์ตการลงทุนอย่างรอบคอบ ดังนี้
ลงทุนในตราสารหนี้ หรือหุ้นกู้ประเภท Credit จะช่วยให้พอร์ตมีรายรับ และมีอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยง
ลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ หรือ Real Asset จะช่วยลดความเสี่ยงเงินเฟ้อ โดยปัจจุบันมูลค่าของสินทรัพย์ที่จับต้องได้อยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทางการเงิน
ลงทุนหุ้นในกลุ่มที่มีคุณภาพสูง คือ มีผลตอบแทนระยะยาวที่ดี มีกำไรสม่ำเสมอ และมีงบดุลที่แข็งแกร่ง ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา หุ้นที่มีคุณภาพสูงมักให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนีหุ้นโลกโดยรวม
สำหรับคำแนะนำตามรายอุตสาหกรรม KKP มีมุมมองด้านบวกต่ออุตสาหกรรมกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (Semi-Conductor), กลุ่มพลังงาน Energy, กลุ่มสื่อสาร (Communication Service) และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Staples)
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้