KBANK ประกาศกำไรปี 66 กว่า 4.2 หมื่นล้าน โต 18.55% รับประโยชน์ “ดอกเบี้ยพุ่ง” แต่ตั้งสำรองยังสูง

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

KBANK ประกาศกำไรปี 66 กว่า 4.2 หมื่นล้าน โต 18.55% รับประโยชน์ “ดอกเบี้ยพุ่ง” แต่ตั้งสำรองยังสูง

Date Time: 19 ม.ค. 2567 09:57 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น KBANK ประกาศกำไรปี 2566 มีกําไรสุทธิจํานวน 42,405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งเป็นฐานที่ต่ำ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นในบางส่วน อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งสํารองผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปริมาณสูงใกล้เคียงกับปีก่อน

Latest


จับตากำไรแบงก์ ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น KBANK รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า สําหรับปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิจํานวน 42,405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งเป็นฐานที่ต่ำ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นในบางส่วน อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งสํารองผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปริมาณสูงใกล้เคียงกับปีก่อน เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น 


โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการพิจารณาตั้งสํารองฯ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากกําไรจากการลงทุนในตราสารทางการเงินต่างๆ ตามสภาวะตลาด ผ่านนโยบายการกระจายความเสี่ยง การลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก รวมทั้งรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ


ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้นตามสภาวะตลาด แม้ว่าการเติบโตของเงินให้สินเชื่อชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมุ่งเน้นการจัดการคุณภาพ สินทรัพย์ เพิ่มความยืดหยุ่นในการดูแลช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มต่างๆ ประกอบกับการยกระดับกระบวนการเพิ่มศักยภาพการปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มตาม ปริมาณธุรกิจ โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดําเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ 44.10% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 43.15%


รายได้จากการดําเนินงานเพิ่มขึ้นจํานวน 19,396 ล้านบาท หรือ 11.19% โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจํานวน 148,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.61% ตามสภาวะตลาด ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังไม่ได้หักต้นทุนการบริหารจัดการหนี้ในเรื่องต่างๆ และค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน และเมื่อเทียบกับฐานของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ มีอัตราผลตอบแทน (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ 3.66% 


นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจํานวน 3,950 ล้านบาท หรือ 9.81% ส่วนใหญ่เกิดจากการบริหาร จัดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และรายได้จากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณธุรกิจ สอดคล้องกับการฟื้นตัวบางส่วนของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจํานวน 1,702 ล้านบาท หรือ 5.17% หลักๆ จากค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมรับจากการโอนเงิน และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่ลดลงซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด


ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) ในปี 2566 มีจํานวน 51,840 ล้านบาท ซึ่งยังเป็น การตั้งในปริมาณสูงใกล้เคียงกับปีก่อน จากการพิจารณาตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งรองรับ ความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจโลก และเพื่อดูแล ช่วยเหลือ เสริมศักยภาพการดําเนินธุรกิจให้ลูกค้า เพิ่มความความยืดหยุ่นในการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ โดยอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้ สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 152.23%


อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงขยายตัวในลักษณะไม่ทั่วถึง (K-Shaped Recovery) โดยการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในส่วนอื่นยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับขึ้นของต้นทุน ภาระหนี้และค่าครองชีพของครัวเรือน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งตลาดการเงินโลกในระหว่างปีค่อนข้างผันผวน โดยเริ่มฟื้นตัวกลับในช่วงปลายปี หลังจากที่ตลาดการเงินประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ได้แตะจุดสูงสุดแล้ว


สําหรับในปี 2567 แม้เศรษฐกิจไทย น่าจะเติบโตดีขึ้น แต่ยังมีความท้าทายที่หลากหลายจากเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงจากการเติบโตที่ชะลอลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจจีนที่ยังเผชิญกับปัญหาความเปราะบางของภาค การเงินและตลาดอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยในประเทศ รวมถึงมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐด้วยเช่นกัน

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์