การลงทุนท่ามกลางวิกฤติไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างผลตอบแทนได้สูง ทำให้ตลาด “หุ้นกู้” ที่จ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ จึงได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่ต้องการรายได้ที่แน่นอน และด้วยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่จุดสูงสุดในช่วงนี้ จึงเป็นนาทีทองของผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนที่จ่ายดอกเบี้ยในระดับสูง
โดยผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงมายาวนาน เนื่องจากผลตอบแทนของหุ้นกู้ในเวลานี้สูงถึง 3-5% ต่อปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระดับความเสี่ยงของหุ้นกู้นั้นๆ ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวก็นับว่าสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ที่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ อยู่ที่ 0.3-0.5% ต่อปีเท่านั้น สวนทางกับการลงทุนในตลาดหุ้นในปี 2566 ที่ผ่านมา ระดับผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวลดลงกว่า 15% ทำให้ผู้ที่มีเงินเย็นเลือกที่จะลงทุนในหุ้นกู้แทน
แต่รู้หรือไม่ การลงทุนในหุ้นกู้จะดูแค่ดอกเบี้ยสูงๆ อย่างเดียวอาจไม่ถูกต้องสักเท่าไรนัก ผู้ลงทุนต้องดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทหรือผู้ที่ออกหุ้นกู้ว่ามีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งหรือไม่ มีศักยภาพในการจ่ายดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ และคืนเงินต้นได้ตามเวลาที่กำหนดไว้หรือเปล่า จุดสังเกตง่ายๆ ที่ช่วยให้กรองผู้ออกหุ้นกู้ได้ คือ ชื่อเสียงของผู้ออกหุ้นกู้เป็นอย่างไร ได้รับความเชื่อถือในระดับประเทศหรือนานาชาติหรือไม่ ผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้นๆ มีความเข้มแข็ง มีชื่อเสียง มีการทำธุรกิจที่สะท้อนความยั่งยืนในระยะยาวมากพอแค่ไหน รวมถึงอันดับเครดิตเรตติ้งอยู่ที่ระดับใด ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ผู้ออกหุ้นกู้นั้นต้องไม่มีประวัติการผิดนัดชำระดอกเบี้ย หรือการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้นั่นเอง
TRUE Bright Future.
ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ออกหุ้นกู้ยอดนิยม ซึ่งนักลงทุนได้ให้การตอบรับด้วยดีมาโดยตลอด ด้วยความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนว่า “ทรู” เป็นบริษัทที่มีความมั่นคง มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เชื่อถือได้ และเป็นธุรกิจหลัก หรือ Flag ship ที่สำคัญของกลุ่ม CP
จนล่าสุด “ทรู” ได้ควบรวมกิจการกับ “ดีแทค” ซึ่งภายหลังจากควบรวมของทั้ง 2 ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่เกิดจากการควบรวมได้ผสานจุดแข็งระหว่างทรูและดีแทค ทำให้บริษัทมีรากฐานแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 51.4 ล้านราย รวมทั้งยังมีผู้ใช้บริการ 5G มากถึง 9.4 ล้านราย และผลของการควบรวมนั้นสะท้อนออกมาเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) 2.5 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังนำประโยชน์จากการควบรวมมาใช้พัฒนาเครือข่าย โดยบริษัทอยู่ในก้าวที่สำคัญในการเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย โดยได้เริ่มรวมโครงข่าย ทรูและดีแทคให้เป็นโครงข่ายเดียว (Single Grid) ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานลงถึง 30% และนำไปสู่การขยายการครอบคลุมที่จะสามารถดูแลลูกค้าได้กว้างมากขึ้น แถมช่วยลดความซ้ำซ้อนในการจัดซื้อจัดจ้าง การลงทุน โดยมีต้นทุนที่ลดลง รวมทั้งความได้เปรียบของการประหยัดต่อขนาด หรือ economy of scale อีกด้วย
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทสัญชาติไทยอย่าง “ทรู คอร์ปอเรชั่น” จะได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยเฉพาะด้านความยั่งยืน โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับโลก Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ปี 2023 ซึ่งได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มโทรคมนาคมของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ด้วยคะแนนรวมสูงสุด 95 จาก 100 คะแนน (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2566) เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่ 93 ทั้งหมดนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า “เมื่อโลกอยู่ได้ เราทุกคนก็อยู่ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข” นั่นเอง
ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น อยู่ระหว่างการเตรียมการออกหุ้นกู้ ซึ่งเป็นโอกาสการลงทุนครั้งสำคัญของนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนที่มั่นคง และสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ โดยทรูจะออกหุ้นกู้จำนวน 5 ชุด อายุตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566
วัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้ และ/หรือ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัท โดยบริษัทมีแผนที่จะชำระคืนหุ้นกู้ของบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TUC ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 15 และ 24 มกราคม พ.ศ. 2567 ก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนต่อเนื่องสามารถนำเงินที่ได้รับคืน มาจองซื้อหุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่นี้ได้
โดยคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อหุ้นกู้ ในระหว่างวันที่ 26-30 มกราคม 2567โดยมีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารยูโอบี และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet (วันเสาร์ที่ 27 และวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567 จะเปิดให้จองซื้อผ่านธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น) โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
ซึ่งนับเป็นนาทีทองของผู้ที่มองหาหุ้นกู้ดอกเบี้ยสูง และมีกิจการที่แข็งแกร่ง ดังนั้นหุ้นกู้ทรูจึงเป็นสิ่งที่ผู้รักหุ้นกู้จะพลาดไม่ได้