สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 26 บริษัท คาดการณ์ค่าเฉลี่ยดัชนีหุ้นไทย ช่วงสิ้นไตรมาส 1/67 จะอยู่ที่ 1,476 จุด ส่วนเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 67 อยู่ที่ 1,590 จุด มีปัจจัยบวก จากผลประกอบการ บจ.ปี 67 ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ, เศรษฐกิจในประเทศ และฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย ส่วนปัจจัยด้านลบ คือการยุติมาตรการ QE ของประเทศสำคัญทั่วโลก, การเมืองในต่างประเทศ และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นักวิเคราะห์แนะกระจายพอร์ตลงทุนแบ่งเป็น เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 8.96%, กองทุนตราสารหนี้ 25.63%, หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 23.67%, หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 22.79%, กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 9.17%, ทองคำหรือกองทุนทองคำ 8.75% และสินทรัพย์อื่น เช่น Bitcoin, น้ำมัน 1.03%
โดยการลงทุนต่างประเทศ แนะให้ลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และ Selective Asia เช่น เกาหลี และเวียดนาม สำหรับหุ้นไทยแนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นค้าปลีก อาหาร เงินทุนหลักทรัพย์ และท่องเที่ยว ขณะที่ลดน้ำหนักลงทุนในธุรกิจก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์รายที่มีหนี้สูง และธุรกิจประกัน
หุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป คือ AOT ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวดีขึ้น, จะเห็นมาตรการรัฐสนับสนุนเพิ่มเติม และนอกจากผลประกอบการจะฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว ยังอยู่ระหว่างศึกษาการปรับขึ้นค่า PSC และการเก็บค่า Transit/ Transfer รวมถึงการรอรับโอน 3 สนามบินจากกรมท่าอากาศยาน
หุ้น CPALL ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยว และมาตรการ Easy E-Receipt ตลอดจนการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึง Digital wallet ในปี 67 ช่วยหนุนการจับจ่าย, หุ้น CPN ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และท่องเที่ยวฟื้นตัว ทั้งยังมีแผนการเปิดโครงการใหม่ ระยะยาวเป็นหุ้นที่น่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน ThaiESG, หุ้น GPSC ปัจจัยหนุนจาก Bond Yield ที่ลดลง และคาดกำไรปี 67 โต 31% ตามค่าไฟที่ทยอยปรับขึ้น ขณะที่ต้นทุนก๊าซมีแนวโน้มลดลง
หุ้นที่ควรเลี่ยงคือ DELTA ราคาเกินปัจจัยพื้นฐานไปมากและหุ้นรายตัวที่มีภาระกู้ยืมสูง/เพิ่มทุน!!
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม