BGRIM เซ็นขายไฟ กฟผ. 27 ปี กำลังผลิต 355 MW โบรกฯ หวั่นต้นทุนก๊าซพุ่งกดดันกำไร

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

BGRIM เซ็นขายไฟ กฟผ. 27 ปี กำลังผลิต 355 MW โบรกฯ หวั่นต้นทุนก๊าซพุ่งกดดันกำไร

Date Time: 26 ธ.ค. 2566 10:14 น.

Video

บรรยง พงษ์พานิช แกะปมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ ฟื้นช้า พร้อมแนะทางออก

Summary

  • บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BGRIM รุกหนักพลังงานสะอาด ล่าสุดเซ็นขายไฟฟ้าให้ กฟผ. 27 ปี กำลังผลิตรวม 355 เมกะวัตต์ ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ยังหวั่นต้นทุนก๊าซโรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรมพุ่ง กดดันกำไรธุรกิจหลัก

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BGRIM แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าตามที่ บี.กริม เพาเวอร์ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการจัดตั้งบริษัทร่วม Xekong 4 Power Co., Ltd. (XK4) โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียน เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง 4A และ 4B ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 355 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในแขวงเซกอง สปป.ลาว นั้น


บี.กริม เพาเวอร์ ขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 บริษัท XK4 ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง 4A และ 4B กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ระยะเวลา 27 ปี โครงการมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2576


ในปี 2566 นี้ บี.กริม เพาเวอร์ มีกำลังการผลิตที่เพิ่มเข้ามาจากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 7 โครงการ รวม 632 เมกะวัตต์ ทำให้ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,970 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว


การเข้าลงทุนดังกล่าวจะช่วยพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด ขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนตามแนวโน้มการใช้พลังงานที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการสร้างความเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ บี.กริม เพาเวอร์


ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BGRIM เผชิญแรงกระเพื่อมอย่างหนัก โดยปรับลดคําแนะนําเป็น “ขาย” จาก “ถือ” และปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 25.25 บาท เหลือ 21.25 บาท หลังจากที่ปรับลดประมาณการกําไรจากธุรกิจหลักลง ตามการปรับเพิ่มสมมติฐานต้นทุนก๊าซโรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (SPP) ซึ่งทําให้ประมาณการกําไรจากธุรกิจหลักปี 2567 และปี 2568 ลดลง 23% และ 22% ตามลําดับ ส่งผลให้กําไรทรงตัวในปี 2566-2568


ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการก่อหนี้ได้มากพอสําหรับการพัฒนาโครงการตามแผน และการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ รวมทั้งโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในเกาหลีใต้ เราจึงคาดว่า BGRIM จะต้องขายสินทรัพย์บางส่วนออกมาเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว


โดย BGRIM กําลังพัฒนาโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งที่เกาหลีใต้ โดยมีกําลังการผลิต (equity capacity) รวม 560 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2568-2571 เราคาดว่าการพัฒนาโครงการจะประสบปัญหาความล่าช้า เนื่องจากกระบวนการขอใบอนุญาตเป็นไปอย่างเชื่องช้า และคาดว่าโครงการดังกล่าวต้องใช้งบลงทุนราว 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่าจะต้องก่อหนี้ 1.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.16 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าหาก BGRIM ต้องการคงนโยบายของบริษัทที่จะรักษาระดับ net IBD/E เอาไว้ที่ 2.0 เท่า ก็จะกู้เพิ่มได้อีกเพียง 2.55 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่พอสําหรับใช้ลงทุนในโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งของเกาหลีใต้ ดังนั้น จึงต้องมีการบริหารจัดการเงินทุนด้านอื่นๆ มาเสริม อย่างเช่น การออกหุ้นกู้ การขายกิจการ หรือเพิ่มทุน

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ