บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BGRIM แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าตามที่ บี.กริม เพาเวอร์ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการจัดตั้งบริษัทร่วม Xekong 4 Power Co., Ltd. (XK4) โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียน เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง 4A และ 4B ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 355 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในแขวงเซกอง สปป.ลาว นั้น
บี.กริม เพาเวอร์ ขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 บริษัท XK4 ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง 4A และ 4B กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ระยะเวลา 27 ปี โครงการมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2576
ในปี 2566 นี้ บี.กริม เพาเวอร์ มีกำลังการผลิตที่เพิ่มเข้ามาจากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 7 โครงการ รวม 632 เมกะวัตต์ ทำให้ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,970 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว
การเข้าลงทุนดังกล่าวจะช่วยพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด ขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนตามแนวโน้มการใช้พลังงานที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการสร้างความเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ บี.กริม เพาเวอร์
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BGRIM เผชิญแรงกระเพื่อมอย่างหนัก โดยปรับลดคําแนะนําเป็น “ขาย” จาก “ถือ” และปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 25.25 บาท เหลือ 21.25 บาท หลังจากที่ปรับลดประมาณการกําไรจากธุรกิจหลักลง ตามการปรับเพิ่มสมมติฐานต้นทุนก๊าซโรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (SPP) ซึ่งทําให้ประมาณการกําไรจากธุรกิจหลักปี 2567 และปี 2568 ลดลง 23% และ 22% ตามลําดับ ส่งผลให้กําไรทรงตัวในปี 2566-2568
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการก่อหนี้ได้มากพอสําหรับการพัฒนาโครงการตามแผน และการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ รวมทั้งโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในเกาหลีใต้ เราจึงคาดว่า BGRIM จะต้องขายสินทรัพย์บางส่วนออกมาเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว
โดย BGRIM กําลังพัฒนาโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งที่เกาหลีใต้ โดยมีกําลังการผลิต (equity capacity) รวม 560 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2568-2571 เราคาดว่าการพัฒนาโครงการจะประสบปัญหาความล่าช้า เนื่องจากกระบวนการขอใบอนุญาตเป็นไปอย่างเชื่องช้า และคาดว่าโครงการดังกล่าวต้องใช้งบลงทุนราว 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่าจะต้องก่อหนี้ 1.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.16 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าหาก BGRIM ต้องการคงนโยบายของบริษัทที่จะรักษาระดับ net IBD/E เอาไว้ที่ 2.0 เท่า ก็จะกู้เพิ่มได้อีกเพียง 2.55 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่พอสําหรับใช้ลงทุนในโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งของเกาหลีใต้ ดังนั้น จึงต้องมีการบริหารจัดการเงินทุนด้านอื่นๆ มาเสริม อย่างเช่น การออกหุ้นกู้ การขายกิจการ หรือเพิ่มทุน
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่