ซิโน-ไทยฯ ปรับธุรกิจเป็น “โฮลดิ้ง” รุกพลังงาน-สัมปทาน ดันมูลค่าบริษัททะลุแสนล้าน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ซิโน-ไทยฯ ปรับธุรกิจเป็น “โฮลดิ้ง” รุกพลังงาน-สัมปทาน ดันมูลค่าบริษัททะลุแสนล้าน

Date Time: 13 ธ.ค. 2566 16:53 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น หรือหุ้น STEC เปลี่ยนผ่านจากธุรกิจดั้งเดิม จาก รับเหมาก่อสร้างที่เน้นโครงการรัฐบาลขนาดใหญ่ ไปสู่ธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ทั้งพลังงาน และสัมปทาน โดยเริ่มต้นด้านการปรับบริษัทเป็น “โฮลดิ้ง คอมปานี” ตั้งเป้ามูลค่าบริษัททะลุแสนล้านใน 5-10 ปีข้างหน้า

Latest


ถึงเวลาปรับธุรกิจครั้งใหญ่จากธุรกิจ สำหรับ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น STEC ที่เปลี่ยนผ่านจากธุรกิจดั้งเดิม จาก รับเหมาก่อสร้างที่เน้นโครงการรัฐบาลขนาดใหญ่ ไปสู่ธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ทั้งพลังงาน และสัมปทาน โดยเริ่มต้นด้านการปรับบริษัทเป็น “โฮลดิ้ง คอมปานี” โดยจะแบ่งกลุ่มธุรกิจ ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจหลักและกลุ่มธุรกิจอื่น รุกธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง และธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ประจำ รองรับแผนการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน


ภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้ จะสามารถเพิ่มความสามารถในการเติบโตของบริษัทและสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งในระยะยาว ในส่วนของธุรกิจหลัก บริษัทมีแผนจะลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน ซึ่งสร้างรายได้ประจำ และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง รวมถึงโครงการสัมปทานอื่นๆ ของภาครัฐ


ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง โดยจะพัฒนาและศึกษาความเป็นไปได้ และผลตอบแทนของธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายในระยะสั้น ใน 3-5 ปีข้างหน้า บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง จะยังมีรายได้ส่วนใหญ่จากธุรกิจหลัก คือ STEC อยู่ แต่จะเริ่มมีการรับรู้ผลประกอบการในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำเข้ามา ส่วนเป้าหมายระยะยาว ใน 5-10 ปี ข้างหน้า คาดว่าธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำจะมีสัดส่วนแตะ 50% บริษัทตั้งเป้ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัท จะอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 4,000 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าจะมีอัตราส่วน P/E ที่ระดับ 25 เท่า


ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่ากระบวนการเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากตลาดหลักทรัพย์และหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทนที่หุ้นของบริษัทฯ ในวันเดียวกัน จะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2567


และบริษัทฯ จะดำเนินการโอนย้ายบริษัท บริษัทร่วม และเงินลงทุนในบริษัทอื่น ไปยังบริษัทโลดิ้ง และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทโฮลติ้ง ตามแผนการปรับโครงสร้างของบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจำแนกแต่ละประเภท ของธุรกิจอย่างชัดเจน รวมทั้ง จำกัดผลกระทบจากความเสี่ยงของแต่ละธุรกิจออกจากกัน ในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2567


ภาคภูมิ กล่าวอีกว่า บริษัทมีความพร้อมในการลงทุนสูงและมีเงินทุนแข็งแกร่ง 30,000-40,000 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีฐานทุนราว 20,000 ล้านบาท และมีเงินลงทุนทรัพย์สินในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบกับไม่มีภาระหนี้สินระยะยาว


นอกจากนี้ บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐในปี 2567 โดยเน้นไปยังกลุ่มเมกะโปรเจกต์ ที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดที่มีการแข่งขันไม่สูงนัก โดยคาดว่าจะได้รับงานใหม่เข้ามาอีกราว 40,000-50,000 ล้านบาท จากสิ้นปีนี้คาดว่ามีงานในมือ (Backlog) ที่ระดับ 100,000 ล้านบาท

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์