ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TTCL เช้าวันนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า ณ เวลา 10.06 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ +1.09% หลังบริษัทฯ แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้รับสัญญาก่อสร้างโครงการใหม่ในจังหวัดระยอง ในโครงการ “Acetylene Black Project” ซึ่งเป็นโครงการประเภทปิโตรเคมี มูลค่า 2,900 ล้านบาท โดยมี บริษัท ระยองวิศวกรรมและซ่อมบำรุง จำกัด เป็นเจ้าของโครงการ คาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จภายในครึ่งแรกของปี 2569
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจหลักในไตรมาส 4/66 ยังไม่มีประเด็นอะไรน่ากังวล คาดว่าจะอยู่ในลักษณะใกล้เคียงกับงวดไตรมาส 3/66 ทั้งในเชิงของรายได้และอัตรากําไร อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่อาจถูกหยิบยกขึ้นมาเก็งกําไรได้ 2 เรื่อง ได้แก่
1. คําตัดสินคดีข้อพิพาทโครงการ Rocksalt ซึ่งวันที่ 16 ตุลาคม 2566 คณะอนุญาโตตุลาการมีคําตัดสินให้จําเลย คือ Vinachem ต้องชําระเงินชดเชยแก่ TTCL รวม 1,656 ล้านบาท แม้จะต่ำกว่าสิ่งที่ TTCL ได้เรียกร้องค่าเสียหายไปทั้งหมด 85 MUSD หรือราว 3 พันล้านบาท แต่ก็ครอบคลุมรายการลูกหนี้โครงการ Rocksalt ที่อยู่ในงบดุลประมาณ 1.6 พันล้านบาท ทําให้ TTCL ไม่จําเป็นต้องตั้งสํารองหนี้สูญเพิ่มเติม และเมื่อได้รับเงินเข้ามา ก็ทําให้ TTCL มีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ โดย Vinachem มีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์คําตัดสินภายใน 30 วัน ซึ่งกระบวนการทางศาล น่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 6-7 เดือน
และ 2. ผลการประมูลงานใหม่ โดย TTCL อยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่ มูลค่ารวม 4.8 หมื่นล้านบาท ในจํานวนนี้มีงานปิโตรเคมีในประเทศของกลุ่มลูกค้าเดิมมูลค่าประมาณ 2.5-3.0 พันล้านบาท ทราบผลภายในปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา TTCL ได้รับงานใหม่เข้ามาแล้วรวม 9.7 พันล้านบาท หากได้รับงานใหม่ดังกล่าว ก็จะทําให้ปีนี้ TTCL ได้งานใหม่เพิ่มเป็น 1.3 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ TTCL ตั้งไว้ว่าจะรับงานใหม่เพิ่มปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี TTCL ถือเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งมาก โดยมีงานในมือ (Backlog) เกือบ 2 หมื่นล้านบาท รองรับการสร้างรายได้ถึงปี 2568 และยังมีประเด็นเก็งกําไรจากคดี Rocksalt รวมถึงงานประมูลใหม่ที่จะทราบผลภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก โดยมีค่า P/E อิงผลประกอบการปี 2567 ต่ำเพียง 5.8 เท่า และซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ณ สิ้นปี 2566 ถึง 27% ฝ่ายวิจัยให้น้ําหนักการลงทุน Outperform ประเมินราคาเหมาะสมปี 2567 ได้ที่ 7.00 บาท