หุ้นโรงไฟฟ้าร่วงหนัก แม้รับประโยชน์ ค่า Ft ขึ้นดันกำไรฟื้น โบรกฯ แนะเก็บหุ้นลงทุนระยะยาว

ความเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าเช้านี้ปรับตัวลดลงแรง แม้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มีมติเห็นชอบขึ้นค่า Ft สําหรับเดือนมกราคม-เมษายน 2567 มาอยู่ที่ 89.55 สตางค์/หน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.79 บาท/หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4.68 บาท/หน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดปัจจุบันที่อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ต่างให้ความเห็นตรงกันว่าการขึ้นค่า Ft ดังกล่าวนั้น จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และคาดว่าจะทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 1/67 ฟื้นตัวได้จากไตรมาส 4/66 ด้วย

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า โดยภาพรวมถือเป็นแนวโน้มเชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่มฯ เนื่องจากจะส่งผลให้ผู้ประกอบการ โรงไฟฟ้า SPP ที่มีสัดส่วนขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง อาทิ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GPSC, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BGRIM และบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GULF จะมีรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น สอดคล้องกับคาดการณ์ต้นทุนก๊าซฯ ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

รวมถึงยังมีส่วนเพิ่มจากการทยอยชำระคืนหนี้ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในช่วงไตรมาส 1/67 คาดจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากช่วงไตรมาส 4/66 ที่มีการปรับลดค่า Ft ลงได้

จึงคงคำแนะนำหาจังหวะทยอยสะสมลงทุนระยะยาวสำหรับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GULF ที่ราคาเหมาะสม 63 บาท บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BGRIM ที่ราคาเหมาะสม 32 บาท และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GPSC ที่ราคาเหมาะสม 55 บาท

รวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย ที่มีอัตราค่าไฟที่แปรผันตามค่า Ft จะได้รับประโยชน์ จากอัตราค่าไฟที่เพิ่มขึ้นตาม ค่า Ft ด้วยเช่นกัน อาทิ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EA ที่ราคาเหมาะสม 55 บาท, บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GUNKUL ที่ราคาเหมาะสม 3 บาท ที่มีโครงการโรงไฟฟ้าที่อิงค่า Ft อยู่ เป็นต้น

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ข่าวนี้ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการ SPP ได้แก่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GPSC, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BGRIM และบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น WHAUP อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอาจแทรกแซงได้ แต่หากรัฐบาลไม่แทรกแซงในครั้งนี้ ค่า Ft ที่สูงขึ้นจะทําให้กําไรหลักของ BGRIM เพิ่มขึ้น 67% ในปี 2567

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความไม่แน่นอนของ Ft เราชอบผู้เล่นที่มีความเสี่ยงต่อ SPP ต่ำ โดยบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CKP คาดว่าจะทําให้กําไรฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญอยู่ที่ส่วนท้ายสุด และผลกระทบจาก Ft จํากัด ส่วนบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EGCO และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น RATCH เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจ โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และไทยอายุ 10 ปีที่ลดลง

ขณะที่บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ระบุว่า กกพ. ประกาศค่า Ft ที่ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย มีผลงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2024 เป็นบวกต่อโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP)

โดยเลือกหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GPSC เป็นหุ้นเด่นวันนี้ ที่ราคาเป้าหมาย 54 บาท จากราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาตอบรับปัจจัยลบจากความเสี่ยงเชิงนโยบาย (Policy Risk) ไปค่อนข้างมาก ประกอบกับปัจจุบันมีมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่เข้าสู่ระดับที่น่าดึงดูด ขณะที่ค่าเงินบาทระยะสั้นแข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลงถือเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม