เป็นที่น่าจับตาสำหรับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BEM หลังมีความชัดเจนของโครงการทางพิเศษยกระดับ ชั้นที่ 2 หรือ Double Deck มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทตามลำดับ โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเป็นผู้ดำเนินการโครงการดังกล่าวได้ ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เชียร์ “ซื้อ” คาดแนวโน้มผลประกอบการเติบโตได้ดี ตามปริมาณรถและจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า
ธนาวัฒน์ วรรณดิษฐ์ ผู้จัดการส่วน ส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BEM เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการทางพิเศษยกระดับ ชั้นที่ 2 หรือ Double Deck นั้น ปัจจุบันได้มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 2567
โดยวานนี้ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ให้ข่าวว่า จะให้ BEM เป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่บนสินทรัพย์ของบริษัท และเป็นโครงการที่อาจไม่ได้มีผลตอบแทนดีมากนัก โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนจำนวนหนึ่ง และจะมีการเจรจากับภาครัฐเพื่อขยายสัมปทานต่อไปในอนาคต
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคดีที่ค้างอยู่อีก 1 คดี ซึ่งหากทุกอย่างดำเนินการแล้วเสร็จ บริษัทก็พร้อมดำเนินการเข้าเซ็นสัญญาทันที โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในต้นปี 2567
ขณะเดียวกัน บริษัทยังหาโอกาสในการเติบโตจากโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้และโอกาสในการเข้าลงทุน เพื่อเตรียมยื่นประมูลโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐที่จะทยอยออกมาจำนวนมาก โดยจะเลือกเข้าประมูลจำนวน 3-4 โครงการ เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว (M82)
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 2567 จะเติบโตได้ดีกว่าปีนี้ โดยรายได้จะเติบโตกลับไปใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังแนวโน้มปริมาณการเดินทางต่อวันของทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาครัฐได้มีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว เชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นได้
ด้าน บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 10.80 บาท รวมมูลค่าเพิ่มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยชอบ BEM จาก ผลประกอบการมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิปี 2566 โต 36% และปี 2567 โต 25% จากปีก่อนตามลำดับ ตามการเติบโตของปริมาณรถ และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า ประกอบกับลุ้นเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อคดีในศาลเป็นที่สิ้นสุด
ขณะเดียวกัน BEM มีโอกาสจากโครงการลงทุนใหม่ๆ เช่น Double deck, รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นต้น ทั้งนี้ คาดเงินปันผลจ่ายปี 2566-2567 ที่ 0.10บาท/หุ้น และ 0.12บาท/หุ้น คิดเป็น Div yield 1.2% และ 1.5% ตามลำดับ