วันเสาร์สบายๆวันนี้ผมขอนำเรื่องราวของ กองทุนรวมลดหย่อนภาษีกองทุนใหม่ ที่ชื่อ “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” Thailand ESG Fund (TESG) มาเล่าสู่กันฟังนะครับ เป็นกองทุนใหม่ที่ ครม.เพิ่งเห็นชอบตามที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเสนอ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีทางเลือกในการออมระยะยาวจากหุ้นที่มีความยั่งยืน และช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วย จะเริ่มเปิดขายครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ทันการหักลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2566
ใครที่ต้องการลดหย่อนภาษีเพิ่มในปีนี้จะต้องซื้อ กองทุนรวม TESG ภายในเดือนธันวาคมนี้ จะได้หักลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 100,000 บาท ถ้ารวมกับสิทธิลดหย่อนภาษีจาก กองทุนรวม SSF และ RMF ที่ไม่เกิน 500,000 บาทแล้ว จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนี้สูงถึง 600,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งทำให้บางคนอาจไม่ต้องเสียภาษีเลย
คุณพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับตลาดทุนไทย (ก.ต.ท.) มีมติเห็นชอบให้จัดตั้ง กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund : Thai ESG) รายละเอียดจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาต้นเดือนธันวาคมนี้ ระหว่างนี้ บลจ.สามารถส่งเอกสารการจัดตั้งกองทุน Thai ESG ให้ ก.ล.ต.พิจารณาล่วงหน้าได้เพื่อให้สามารถขายกองทุนได้ภายในต้นเดือนธันวาคม 2566 ให้นักลงทุนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ในปี 2566 สามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินในส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท ผู้ลงทุนต้องถือกองทุนไทย ESG ไม่น้อยกว่า 8 ปี
มาตรการภาษีนี้ จะช่วยให้มีการลงทุนระยะยาวในตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้นทำให้ตลาดหุ้นไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น และช่วยให้ผู้มีเงินได้มีทางเลือกในการออมและการลงทุนระยะยาวเพิ่มขึ้น รวมทั้ง การส่งเสริมให้มีการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึง ESG เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และ เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) อีกด้วย
คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ผู้ผลักดันการจัดตั้งกองทุนรวม ESG คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นปีละกว่า 10,000 ล้านบาท กองทุน TESG จะลงทุนในบริษัทที่ใส่ใจในการดูแลสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Govermance) ปัจจุบันมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 210 บริษัท ที่เข้าข่ายกรอบการลงทุนของกองทุน TESG จากทั้งหมดกว่า 800 บริษัท จำนวนดังกล่าวมีมูลค่าตลาด (Market Cap) คิดเป็น 81% ของตลาดหลักทรัพย์ ช่วงนี้เป็นจังหวะการเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่กำลังซบเซา หุ้นที่เข้าข่ายลงทุนก็เป็นหุ้นที่นักลงทุนรู้จักเป็นอย่างดีและมีสภาพคล่องสูง
แนวทางการเลือกลงทุนในหุ้น ESG ที่ง่ายที่สุด ผมคิดว่าเลือกบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับรางวัล Sustainability Awards 2023 จากรางวัล SET Awards 2023 ที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ วารสารการเงินธนาคาร เพิ่งมีการแจกรางวัลไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีบริษัทที่ได้รับ รางวัลยอดเยี่ยมหุ้นยั่งยืน (Sustainability Awards) สูงถึง 35 บริษัท เช่น BANPU, PTT, PTTEP, PTTGC, SCC, TOP, BCP, IRPC, AMATA, SAT, CPF, KBANK, OR, SCGP, WHA, SABINA, CPALL, TISCO, STGT, AJ, ADVANCE, CRC, CKP, PR9 ฯลฯ ล้วนเป็นหุ้นที่คนเล่นหุ้นรู้จักทั้งสิ้น และยังมี หุ้นที่มีเรตติ้งระดับ AAA, AA, A, BBB อีกกว่าร้อยบริษัทให้เลือกลงทุน
การลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นยั่งยืน (TESG) จึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่ มีความปลอดภัยสูง และ ให้ผลตอบแทนดี นอกเหนือจากการ ได้ลดหย่อนภาษี ซึ่งผมเห็นว่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่ “น่าเลือกมากที่สุด” ในเวลานี้.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม