เปิดวิธีตรวจ Naked Short ย้ำไม่มีจับเสือมือเปล่า สมาคมบล. ชี้ หยุดเทรดเป็นสิทธิทำได้

ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทย จากการปรับตัวลดลงของดัชนีมากที่สุดในโลก โดยหลายฝ่ายมองว่าเกิดความผิดปกติจากการทำ Naked Short ในตลาดหุ้น และการใช้โปรแกรมเทรดเข้ามาถล่มตลาด

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดินหน้าให้ข้อมูลนักลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจ โดยพร้อมให้ข้อมูลการใช้โปรแกรมเทรดในตลาดหุ้น นอกจากนี้ยังเปิดเผยระบบการตรวจสอบเพื่อป้องกัน Naked Short จากต่างประเทศ โดยใช้วิธีการตรวจสอบจากการบันทึกเวลาเป็นหลัก และย้ำว่าจะไม่มีารปล่อยให้จับเสือมือเปล่า 

นางสาวภัทรวสี สุวรรณศร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานบริหารการปฏิบัติการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์ ได้มีการให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนมากขึ้น โดยได้เปิดเผยข้อมูลารใช้ Program Trading รายวัน เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบสัดส่วนชองการใช้โปรแกรมเทรดในตลาดหุ้น และการเปิดเผยข้อมูลการใช้โปรแกรมเทรดรายหลักทรัพย์ 

โดยข้อกำหนดจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นมากกว่า 10% ต่อวัน และมีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 50 ล้านบาท ทั้งนี้เกณฑ์ดังกล่าวยังเป็นเพียงขั้นต้น และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ถามนักลงทุนมองว่าไม่เหมาะสม 

ส่วนการจะเปิดเผยข้อมูลว่าบริษัทหลักทรัพย์ไหนที่มีสถิติการใช้โปรแกรมเทรดมากที่สุดนั้น อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ 

เผยการตรวจ Naked Short เข้ม   

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกฎหมายและหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กรตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับการตรวจสอบการทำธุรกรรม Naked Short นั้น ตลาดหลักทรัพย์ มีการตรวจสอบที่เข้มงวด โดยใช้วิธีกำกับดูแลผ่านบริษัทหลักทรัพย์สมาชิก 

ทั้งนี้ในการทำการ Short Sell ทุกครั้ง ผู้ที่จะดำเนินการทำได้ต้องมีหุ้นในมือทุกครั้ง โดยเราใช้หลักการดูไทม์แสตมป์ การส่งคำสั่งซื้อว่า ณ เวลาที่ทำการซื้อขายนั้นมีหุ้นอยู่ในมือหรือเปล่า ส่วนการส่งคำสั่งมาจากต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์สมาชิกต้องมีหน้าที่ในการสร้างระบบเพื่อตรวจสอบว่าการส่งคำสั่ง Short Sell มีหุ้นหรือไม่ โดยตลาดหลักทรัพย์มีการสุ่มเข้าตรวจสอบในธุรกรรมดังกล่าวอย่างเข้มงวดและเคร่งครัด

การหยุดเทรดเป็นสิทธินักลงทุน 

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และ กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า การนัดรวมตัวกันเพื่อหยุดการซื้อขายในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เป็นสิทธิของนักลงทุนที่จะดำเนินการ โดยหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คือการให้ข้อมูลด้วยการลงทุน และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการช่วยยกระดับนักลงทุนรายบุคคลให้มีความสามารถมากขึ้น 

“การนัดรวมตัวกันหยุดเทรดเป็นสิทธิของนักลงทุนที่ทำได้ ในมุมของเราบริษัทหลักทรัพย์จะทำหน้าที่ในการให้ข้อมูลกับนักลงทุน ถึงปัจจัยการลงทุนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อซัพพอร์ตนักลงทุน”

ทั้งนี้การแสดงออกดังกล่าวส่วนตัวมองว่าเป็นความสวยงามของตลาดที่มีความหลากหลายของนักลงทุนหลายกลุ่ม ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก และมีเทคโนโลยีเข้ามามีผลกระทบกับการซื้อขาย เราไม่สามารถปฏิเสธเทคโนโลยีได้ ดังนั้นหน้าที่ของเราคือการพัฒนานักลงทุนเพื่อให้สามารถอยู่รอด และรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 

อย่างไรก็ตามสำหรับในภาพการแข่งขันของบริษัทหลักทรัพย์การที่มีบางบริษัทหลักทรัพย์มีส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นมาระดับที่สูงมากกว่า 20% ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งในอนาคตกลไกตลาดก็จะมีวิธีการจัดสรร เช่น มีคู่แข่งที่เสนอบริการที่ดี และถูกกว่า ก็จะเกิดขึ้นมาเอง 

ส่วนข้อสังเกตเรื่องการคิดค่าคอมมิชชันของ HFT ที่ถูกกว่าปกติเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยนั้น มองว่าปัจจุบันเราเปิดเสรีค่าคอมมิชชันมานานกว่า 10 ปี ดังนั้นเขาจะสามารถคิดค่าคอมมิชชันได้ตามที่บริษัทมองว่าเหมาะสม เช่น ในอดีตก็เคยมีการเทรดแบบบุฟเฟต์ค่าคอมมิชชันมาแล้ว.