หุ้นร่วงพิษเชื่อมั่น

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

หุ้นร่วงพิษเชื่อมั่น

Date Time: 16 พ.ย. 2566 05:19 น.

Summary

  • ด่านแรกก็ยังไม่รู้หมู่รู้จ่า “ดิจิทัลวอลเล็ต” ว่าจะผ่าน หรือไม่ผ่าน เมื่อต้องเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลพิจารณาตรวจสอบ

Latest

เปิดพอร์ตหุ้น หมอบุญ วนาสิน จากผู้ก่อ THG เหลืออันดับที่ 11 สู่หมายจับฉ้อโกงกู้เงิน 8 พันล้าน

ด่านแรกก็ยังไม่รู้หมู่รู้จ่า “ดิจิทัลวอลเล็ต” ว่าจะผ่าน หรือไม่ผ่าน เมื่อต้องเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลพิจารณาตรวจสอบ

แม้ผ่านมาส่วนใหญ่จะออกมารูปแบบว่าให้ความเห็นว่า ถ้าทำแล้วผลจะเป็นอย่างไรจะเกิดปัญหาอะไรตามมาบ้าง

แต่ไม่ชี้ก็เหมือนชี้นั่นแหละ

จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของรัฐบาล

ทว่านโยบายนี้แม้ยังไม่ได้ดำเนินการ แต่ก็เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยขึ้นมาแล้วแม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง

นั่นคือ “ตลาดหุ้น” ของไทย!

นับแต่รัฐบาลชุดนี้เข้าบริหารประเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศที่ยืนอยู่ในระดับ 1,500 จุด มาตลอดกลับร่วงกราวรูดต่อเนื่องจนมาถึงที่ 1,300 กว่าจุด

วันเดียวรูดถึง 30 กว่าจุดก็มี โดยรวมแล้วเป็นตลาดที่หุ้นตกมากที่สุดในโลก รัฐบาลแรกๆก็ไม่ได้ใส่ใจนักคงมองว่าเป็นเรื่องปกติ

แต่เพิ่งมาตื่นเพราะมันดูไม่ชอบมาพากลแล้ว

การที่ตลาดหุ้นไทยร่วงอย่างหนักคงมาจากเหตุและปัจจัยภายนอกเป็นหลัก เพราะสภาพการผูกติดกับจีนที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจตกต่ำ

ตลาดหุ้นจีนก็ร่วงเช่นเดียวกัน ผลกระทบนี้ส่งต่อไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน แต่ที่หนักสุดคือไทย

หุ้นร่วงระนาว

การท่องเที่ยวก็ฟุบไปด้วยเพราะนักท่องเที่ยวจากจีนไม่มา

อีกทั้งปัจจัยจากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯนั้นสูงถึง 5% กว่า ขณะที่ของไทยระดับ 2 กว่าๆ ซึ่งแตกต่างกันมาก

นักลงทุนจึงเทขายแล้วหันไปลงทุนในตลาดที่ดอกเบี้ยสูงกว่า

ด้วยเหตุและผลที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยโงหัวไม่ขึ้นและต้องหาทางแก้ไข เพราะมันทำให้เงินหายไปจำนวนมาก

อีกเรื่องหนึ่งก็คือความเห็นของนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีคลังไปสอดคล้องกับผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์

ว่ากันว่านายกรัฐมนตรีกลับจากอเมริกาอาจถึงขั้นมีการปลดก็มีความเป็นไปได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนจะตัดสินใจอย่างไรนายกรัฐมนตรีก็ดูข้อเท็จจริงด้วย เพราะการดำเนินนโยบายประชานิยม “ดิจิทัลวอลเล็ต” ของรัฐบาลก็มีส่วนด้วย

คือความไม่แน่นอนและไม่ชัดเจน

อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่?

ด้วยเหตุนี้จึงมีส่วนโยงไปถึงตลาดหุ้นที่นักลงทุนไม่มั่นใจนโยบายของรัฐบาล จึงหนีไปลงทุนที่อื่น ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่า

และหากดำเนินนโยบายนี้ก็ไม่รู้ว่าคำว่า “กระตุ้น” นั้นจะได้ผลในทางปฏิบัติมากน้อยแค่ไหน เพราะวงรอบการหมุนของเงินจะได้กี่รอบก็ยังคาดการณ์ไม่ได้

ยิ่งสภาพเศรษฐกิจโลกที่เริ่มถดถอยอย่างเห็นได้ชัดจากภาวะสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาสทำท่าจะขยายวงกว้างออกไป

ย่อมทำให้เศรษฐกิจโลกมีปัญหาแน่

อย่ามองแต่ข้างหน้าต้องมองข้างหลังบ้าง!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ