JKN แจ้งงบสุดหรู 9 เดือน กำไร 115 ล้านบาท ผู้สอบบัญชี ไม่ให้ความเชื่อมั่น ตลท.สั่งแขวน SP

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

JKN แจ้งงบสุดหรู 9 เดือน กำไร 115 ล้านบาท ผู้สอบบัญชี ไม่ให้ความเชื่อมั่น ตลท.สั่งแขวน SP

Date Time: 15 พ.ย. 2566 10:04 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • JKN แจ้งตลาดหลักทรัพย์ 9 เดือนแรกมีกำไร 115.47 ล้านบาท ทั้งที่เพิ่งยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ชี้รายได้โตทุกด้าน ด้านผู้สอบบัญชี ไม่ให้ความเชื่อมั่นงบการเงิน ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สั่งขึ้นเครื่องหมาย SP ทันที

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท JKN งวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมเท่ากับ 2,359.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 742.07 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.88 ทั้งนี้รายได้ของบริษัทและบริษัทย่อยในแต่ละธุรกิจสําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับรายได้ประเภท เดียวกันจากปีก่อนดังนี้โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจของบริษัทยกเว้นธุรกิจจําหน่ายผลิตภัณฑ์ และรายได้อื่น

1 รายได้ค่าสิทธิ์จากธุรกิจให้บริการและจําหน่ายลิขสิทธิ์รายการ เพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 38.42
2 รายได้จากการให้บริการจากธุรกิจ บริการโฆษณา เพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 2.57
3 รายได้จากการขายจากธุรกิจจําหน่ายผลิตภัณฑ์ลดลงท่ากับร้อยละ 24.12
4 รายได้จากการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ขององค์กรนางงามจักรวาลเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 100.00 (5) รายได้อื่น ลดลงเท่ากับร้อยละ 45.60

ทั้งนี้ บริษัท มีผลการดำเนินงาน งวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิเท่ากับ 115.47 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 36.20 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.87 ซึ่งเป็นจากค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าด้านรายได้มีการเติบโตขึ้นเกือบทุกด้าน ส่วนต้นทุนบริการของธุรกิจการขายและให้บริการจัดการสิทธิ์ของมิสยูนิเวิร์สมีผลขาดทุนเนื่องจากเป็นการจัดงานครั้งแรก และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากเหตุผลที่ กล่าวจึงส่งผลให้อัตราอัตรากําไรสุทธิสําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ปรับตัวลดลงเป็นร้อยละ 4.89 จาก ร้อยละ 9.38 ในปี 2565 และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเทียบกับรายได้รวมสําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 22.59 จากร้อยละ 19.43 ในปี 2565


อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในส่วนการขายและให้บริการจัดการสิทธิ์ของมิสยูนิเวิร์ส บริษัทได้มีการทําสัญญากับคู่สัญญาในธุรกิจหลากหลายด้านที่เกี่ยวเนื่องกับ MUO ณ 30 กันยายน 2566 โดยบริษัทได้มีการทยอยรับเงินตามงวดในสัญญาไว้แล้ว ทั้งนี้ บริษัทได้บันทึกการรับเงินตามงวดรายการของสัญญาเหล่านั้นภายใต้หัวข้อ “รายได้รอตัดบัญชี” (ตามรายงานผู้สอบบัญชี) จํานวน 251 ล้านบาท โดยจํานวนดังกล่าวจะมีการรับรู้เป็นรายได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2566

สําหรับกําไรสุทธิต่อหุ้น ได้มีการแสดงกําไรสุทธิต่อหุ้นปรับลดไว้ในกรณีที่เป็นข้อมูลเปรียบเทียบหากผู้ถือหุ้นกู้แปลง สภาพจะใช้สิทธิ์ในการแปลงสภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างราคาใช้สิทธิ์แปลงสภาพของหุ้นกู้แปลง
สภาพกับมูลค่ายุติธรรมของหุ้นสามัญของบริษัทจะพบว่ามูลค่ายุติธรรมต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์ (อ้างอิงจากราคาราคาปิดของหุ้น บริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 อยู่ที่ 1.13 บาทต่อหุ้น ในขณะที่ราคาใช้สิทธิ์อยู่ที่ประมาณ 6.2316 บาทต่อหุ้น) ซึ่งความ ต่างของราคามีผลต่อโอกาสที่จะเกิดการแปลงสภาพหุ้นกู้ดังกล่าว


อย่างไรก็ตามในการรายงานงบการเงินดังกล่าว ผู้สอบบัญชีให้ความเห็น ไม่แสดงความเชื่อมั่นในงบการเงิน เนื่องจากการขาดสภาพคล่อง การผิดนัดชำระหนี้ และการประเมินการด้อยค่า


โดย เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้นําส่งงบการเงินสําหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ของบริษัท ซึ่งผู้สอบบัญชีได้สอบทานและรับรองงบการเงิน โดยไม่ให้ข้อสรุปต่อข้อมูลทาง การเงินระหว่างกาลที่สอบทาน ดังต่อไปนี้

1. การขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ตามที่ได้เปิดเผยในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 1.2 เนื่องจากกลุ่มบริษัทบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินไม่เป็นไปตามแผน ส่งผลให้บริษัทผิดนัดชําระหนี้หุ้นกู้รุ่น JKN239A การผ่อนผันการชําระหนี้รวมถึงการเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงระยะเวลาชําระหนี้หุ้นกู้ดังกล่าวตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 27 กันยายน 2566 ถือเป็น เหตุให้เกิดการผิดสัญญาหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ จํานวน 6 รุ่น Cross Default ตามข้อกําหนดสิทธิ

นอกจากนี้ยังถือเป็นเหตุให้เกิดการผิดสัญญาหุ้นกู้แปลงสภาพและหนี้สินเงินกู้จากสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน ทําให้บริษัทต้องพิจารณาจัดประเภทหนี้สิน ประเภทหุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพและหนี้สินเงินกู้จากสถาบันการเงินเป็นหนี้สินหมุนเวียนทั้งหมด ณ วันที่ 30 กันยายน 2566

กลุ่มบริษัทจึงมีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนรวมสําหรับงบการเงินรวมจํานวนเงิน 4,285.52 ล้านบาท และงบการเงินเฉพาะกิจการจํานวนเงิน 3,256.15 ล้านบาท สถานการณ์ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขอขยายการชําระหนี้สิน และไม่เรียกร้องให้ชําระหนี้โดยพลัน (Call Default) และอยู่ระหว่างการหาแหล่งเงินทุนใหม่การปรับโครงสร้างกิจการและการปรับโครงสร้างทางการเงินใหม่ ต่อมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ที่ประชุมกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2566 มีมติให้ บริษัทยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง โดยในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 บริษัทได้ยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการ และในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งรับคําร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท และกําหนดวันไต่สวน คําร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 มกราคม 2567 ด้วยเหตุดังกล่าวทั้งหมดจะส่งผลต่อการเรียกชําระคืนของหนี้สินและอาจ ถูกฟ้องร้องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพและหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินโดยพลัน หมุนเวียนจึงขึ้นอยู่กับความสําเร็จของการปรับแผน ชําระหนี้สินและการดําเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทและการจ่ายชําระหนี้สินจากสถานการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในการจ่าย

2.การผิดนัดชําระหนี้
ตามที่ได้เปิดเผยในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 1.2 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 บริษัทผิดนัดชําระหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2563 ครบกําหนดไถ่ถอนปี 2566 (JKN239A) จํานวนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609.98 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การผิดนัดชําระหนี้รุ่น JKN239A ส่งผลให้เข้าหลักเกณฑ์ เรื่องการผิดนัดชําระตามข้อกําหนดสิทธิหุ้นกู้ที่กําหนดไว้ในเงื่อนไขอันถือเป็นเหตุผิดนัดของหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ ที่บริษัทออกและยังมิได้ไถ่ถอนทั้งหมดและในวันที่ 4 กันยายน 2566 ตัวแทน ผู้ถือหุ้นกู้แจ้งการผิดนัดตามข้อกําหนดสิทธิ Cross Default และวันที่ 27 กันยายน 2566 บริษัทได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือ หุ้นกู้รุ่นดังกล่าวว่าอนุมัติให้เลื่อนการชําระคืนเงินต้นจํานวนเงิน 19.5 ล้านบาทไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ส่วนที่เหลือ จํานวนเงิน 432.45 ล้านบาทให้ชําระคืนในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 และปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มจากเดิมร้อยละ 6.60 ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ 7 ต่อปี และผู้ถือหุ้นกู้มีมติอนุมัติขอผ่อนผันให้การผิดนัดชําระเงินต้นและดอกเบี้ยในวันครบกําหนด

ไถ่ถอนวันที่ 1 กันยายน 2566 ไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกําหนดและไม่เรียกชําระหนี้ตามหุ้นกู้โดยพลัน ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 บริษัทได้รับหนังสือจากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อเรียกให้บริษัทชําระเงินต้นหุ้นกู้และดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัททั้งหมด

ตามที่ได้เปิดเผยในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 20 ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ถึง 30 กันยายน 2566 บริษัทไม่สามารถจ่ายชําระหนี้สินเงินกู้จากสถาบันการเงินตามเงื่อนไขในสัญญาจํานวน 3 แห่งจํานวนเงิน 54.64 ล้านบาท และในเดือนกันยายนและตุลาคม 2566 บริษัทได้รับหนังสือเรียกให้ชําระหนี้เงินกู้บางส่วนที่ครบกําหนดชําระแล้ว ตามสัญญาจากสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตามในเดือนกันยายนบริษัทได้ทําหนังสือขอขยายระยะเวลาการชําระหนี้กับสถาบันการเงิน 3 แห่ง และขอให้สถาบันการเงินไม่เรียกร้องให้บริษัทชําระหนี้ทั้งหมดทันที แต่ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้หนังสือ ยืนยันจากสถาบันการเงิน ณ บริษัทยังไม่ได้ตั้งประมาณการความเสียหายและดอกเบี้ยผิดนัดชําระที่อาจวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทยังไม่เกิดขึ้นในงบการเงิน

3. การประเมินการด้อยค่า
กลุ่มบริษัทมีมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อยจํานวนเงิน 2,460.31 ล้านบาท เครื่องหมายการค้าจํานวนเงิน 1,333.31 ล้านบาท และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนประเภทลิขสิทธิ์รายการจํานวนเงิน 6,277.65 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อบ่งชี้ว่าสินทรัพย์ดังกล่าวอาจด้อยค่าและมีค่าความนิยมจํานวน 717.96 ล้านบาท ที่บริษัทต้องทดสอบและประเมินด้อยค่าทุกปี สินทรัพย์ทั้งหมดอยู่ระหว่างดําเนินการประเมินโดยผู้ประเมินอิสระ

สถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น มีผลกระทบและมีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสําคัญต่อความสามารถในการดําเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท และอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่มีสาระสําคัญในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการบริษัทใคร่ขอชี้แจงว่าการที่ผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่อข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลของบริษัท สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกจํากัดขอบเขตโดยผู้บริหารแต่เกิดจากผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่มีสาระสําคัญตามสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น

ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สั่งขึ้นเครื่องหมาย SP ทันที


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ