วอลลุ่มบางเฉียบ! รายย่อยขยายตลาดหุ้น จับตารัฐสรุปตั้งกองทุน ESG วันพรุ่งนี้

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

วอลลุ่มบางเฉียบ! รายย่อยขยายตลาดหุ้น จับตารัฐสรุปตั้งกองทุน ESG วันพรุ่งนี้

Date Time: 13 พ.ย. 2566 18:01 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Latest


ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นไทยวันนี้ นักลงทุนต่างจับตาการประชุมร่วมระหว่าง กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หลัง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานการประชุมหารือ เรื่อง “สภาวะตลาดหุ้น” ว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทุนไทยอย่างไร


จากกรณีของการใช้โปรแกรมส่งคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติความถี่สูง หรือ “HFT” และการทำธุรกรรม “Short Sell” ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรง ณ ขณะนี้ สร้างความไม่เชื่อมั่นแก่นักลงทุนที่ต้องการเข้ามาทำการซื้อขายหุ้นอย่างมาก


กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยหลังการหารือ ยืนยันว่าไม่มีการทำ Naked Short Selling ในตลาดหุ้นไทย และไม่พบความผิดปกติ ขณะที่สำนักงาน ก.ล.ต. มีการกำกับดูแลอย่างเข้มข้น และขอนักลงทุนเชื่อมั่น


พร้อมกันนี้ ได้อธิบายการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ให้กระทรวงการคลัง ตลท. และสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้เกิดความชัดเจน ว่ารัฐบาลกำลังบริหารเศรษฐกิจของประเทศให้มีการเติบโตกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน


นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง จะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาสิทธิประโยชน์ทางภาษี ในการจัดตั้ง “ESG Fund” ซึ่งอาจจะมีรูปแบบคล้ายกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เชื่อว่าจะมีความสนใจจากนักลงทุน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้


สำหรับความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 พ.ค.) พบว่า ดัชนีลดลง 2.44 จุด เปลี่ยนแปลง -0.18% ดัชนีอยู่ที่ 1,387.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,157.93 ล้านบาท โดยในการเปิดการซื้อขายช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวขึ้นมาในแดนบวกเล็กน้อย ก่อนปรับตัวลดลงในช่วงปิดตลาด


ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ โดยเห็นได้จาก ภาพของตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบมากกว่า 10% สวนทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่มากกว่า บวกมากกว่า +10% ทั้งโปรแกรมเทรดที่เข้ามากดดันตลาด และการทำ Short Sell ที่กดดันตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวลดลง 


สำหรับแนวทางการจัดตั้งกองทุน ESG ของภาครัฐเพื่อเข้าช่วยประคองตลาดหุ้นนั้น ส่วนตัวมองว่า เชื่อว่าจะช่วยประคองตลาดหุ้นได้ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยหลังจากประเทศไทยขาดปัจจัยที่เข้ามาประคองตลาดหลังจากการหมดอายุของกองทุน LTF 


ทั้งนี้ หากมีการจัดตั้งกองทุนในรูปแบบดังกล่าวจริง ควรจะมีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นประโยชน์กับบริษัทที่ตั้งใจทำธุรกรรมเพื่อสังคม และดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG และสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนในระยะยาว 


ด้าน ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเกิดความไม่เชื่อมั่นในหลายส่วน โดยเฉพาะการแข่งขันในการลงทุนที่ไม่เป็นธรรม จากการใช้ระบบอัลกอริทึมของนักลงทุนบางกลุ่ม ซึ่งมักเป็นการซื้อขายหุ้นในกรอบระยะสั้น ทำให้ภาวะตลาดหุ้นไทยถูกควบคุมโดยระบบอัตโนมัติ


ในขณะที่ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาขับเคลื่อน โดยปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยลดลงอย่างมาก สะท้อนจากมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางของนักลงทุนรายย่อย ที่ไม่กล้าเข้ามาลงทุน


อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความชัดเจน หลังการประชุมร่วมของภาครัฐและตลาดทุน ซึ่งหากมีแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนขึ้น จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมาได้ เช่น มีการจำกัดการใช้ระบบอัลกอริทึม และการทำธุรกรรม Short Sell ก็อาจช่วยทำให้สถานการณ์ตลาดปรับตัวดีขึ้นได้


ส่วนประเด็นการจัดตั้งกองทุน ESG ของภาครัฐ จะเข้ามาช่วยประคองตลาดได้หรือไม่นั้น จะต้องดูรายละเอียดว่าจะเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่าการนำกองทุน LTF กลับมา จะช่วยตลาดทุนได้ดีกว่า


นอกจากนี้ สำหรับปัจจัยต่างประเทศ มองว่ายังไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามา โดยยังต้องติดตามการประกาศเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในคืนนี้ และการพิจารณางบประมาณของสหรัฐฯ พรุ่งนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถผ่านไปได้ และไม่มี “Goverment Shutdown” ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังเป็นสงครามในวงจำกัด


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์