GPSC ราคาฟื้นจากหลุมรอบ 6 ปี โบรกฯ คาดกำไรปีนี้ 3.6 พันล้าน โต 307% สะท้อนพ้นจุดต่ำสุดแล้ว

ความเคลื่อนไหวหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GPSC ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พ้นจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปีแล้ว ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ย. 66 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ +7.41% มาอยู่ที่ 43.50 บาท ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินกำไรสุทธิปีนี้เติบโตจากปีก่อน 307% สะท้อนว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิยังดี แต่ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงมากเกินไป โดยตั้งแต่เดือนเมษายน ราคาหุ้น GPSC ลดลง 43% เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ลดลง 15% สาเหตุหลักจากนโยบายลดค่าไฟฟ้า และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

อย่างไรก็ตาม มองแรงกดดันจากปัจจัยทั้ง 2 สะท้อนไปในราคาหุ้นหมดแล้ว และโอกาสเกิด Downside เพิ่มเติมจำกัด โดยเชื่อว่าภาครัฐจะไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าไฟเดือนก.ย.-ธ.ค. เพิ่มเติม มองข้ามไปเดือนม.ค.-เม.ย. คาดการแทรกแซงจะไม่รุนแรงเท่ารอบที่ผ่านมา เพราะสถานะการเงินของ EGAT เริ่มไม่มั่นคง, การใช้ไฟฟ้าในฤดูหนาวไม่สูง, ค่าไฟฟ้าลดลงตามธรรมชาติสอดคล้องการเร่งผลิตของโครงการเอราวัณ  ประกอบกับการเพิ่มขึ้นผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศจะเริ่มชะลอลงจากโอกาส FOMC คงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1 พ.ย. และแนวทางนโยบาย Digital Walletใหม่ จะลดความต้องการใช้งบประมาณของรัฐบาลลง

ทั้งนี้ คาดผลประกอบการไตรมาส 3/66 กำไรฟื้นตัวได้ดีที่ 1.5 พันล้านบาท เติบโต 374% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และโต 343% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำระดับสูงสุดรอบ 7 ไตรมาส จาก 1) Glow Phase 5 ผลิตได้เต็มไตรมาส 2) อุปสงค์ไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้นหลังลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ซ่อมบำรุงลดลง 3) ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำของเขื่อนไซยะบุรี 4) ต้นทุนก๊าซ-ถ่านหินต่ำลงอย่างมาก และ 5) ค่าใช้จ่ายลดลง

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/66 ชะลอลงจากไตรมาส 3/66 จากอุปสงค์ตามฤดูกาล, ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น, แผนซ่อมบำรุงของลูกค้า IU, ผลกระทบนโยบายค่าไฟ 3.99 บาท/หน่วยเต็มไตรมาส ทั้งนี้ เชื่อว่ากำไรในไตรมาส 3/66 จะเติบโตได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ระดับ 7-9 ร้อยล้านบาท จากการขยายกำลังผลิต ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น สามารถชดเชยผลกระทบนโยบายค่าไฟฟ้าได้ หากผลประกอบการไตรมาส 3/66 เป็นไปตามคาดงบ 9 เดือนแรกของปี 2566 จะทำได้ 80% ของทั้งปี คงประมาณการปี 2566 ที่ 3.6 พันล้านบาท โตจากปีก่อน 307% สะท้อนว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดในปีก่อนมาแล้ว