บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น INTUCH รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ผลการดําเนินงานของกลุ่มอินทัชในไตรมาส 3/2566 มีกําไรสุทธิรวม 3,264 ล้านบาท เติบโต 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และงวดเก้าเดือนของปี 2566 กลุ่มอินทัช มีกำไรสุทธิรวม 8,836 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกําไรจากเอไอเอส เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ ค่าเสื่อมราคาที่ลดลง การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และกําไรจากการขายเงินลงทุนในแรบบิท-ไลน์เพย์
รวมทั้งในไตรมาส 3/2566 เอไอเอสมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ปีก่อนมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในปี 2566 ผลการดำเนินงานของกลุ่มอินทัชไม่มีสวนแบ่งกำไรจากไทยคม เนื่องจากอินทัชได้ขายเงินลงทุนในไทยคมไปเมื่อปลายปี 2565
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงได้แรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จาก
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของตลาดการเงินโลก โดยในไตรมาส 3/2566 ผลการดําเนินงานของกลุ่มอินทัชโดยเฉพาะเอไอเอสยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกําไรของเอไอเอสเติบโตร้อยละ 35 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง และธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ประกอบกับการพัฒนากระบวนการทำงานทำให้สามารถบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลการดําเนินงานเฉพาะบริษัทในไตรมาส 3/2566 และงวดเก้าเดือนของปี 2566 อินทัชมีสวนแบ่งกําไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมรวม 3,294 ล้านบาท และ 8,930 ล้านบาท ตามลําดับ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาและปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของผลกําไรของเอไอเอส โดยอินทัชมีค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานสำหรับไตรมาส 3/2566 และงวดเก้าเดือนของปี 2566 อยู่ที่ 34 ล้านบาท และ 112 ล้านบาท ตามลําดับ
ปัจจุบันอินทัชมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลจากงบการเงินเฉพาะบริษัท โดยพิจารณาจ่ายในอัตราร้อยละ 100 จากเงินปันผลที่ บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย หากไม่มีเหตุจําเป็นอื่นใด และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดําเนินงานปกติ ของอินทัชอย่างมีนัยสําคัญ
ปัจจัยสำคัญที่อาจมีอิทธิพลและมีผลกระทบต่อฐานะการเงินหรือผลการดําเนินงานของอินทัชอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต เนื่องจากอินทัชประกอบธุรกิจการลงทุนโดยการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น ดังนั้น ปัจจัยที่มีผลต่อฐานะการเงิน หรือ ผลการดําเนินงานอย่างมีนัยสําคัญของ บริษัทที่เข้าลงทุน จึงเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่ออินทัชด้วย