บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AH แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 4/2023 ของ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ HMTH เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 110,00 หุ้น หรือร้อยละ 20 คิดเป็นมูลค่า 27,500,000 บาท
อย่างไรก็ตาม HMTH ไม่ได้ดำเนินธุรกิจตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นมา จึงมีความจำเป็นต้องเริ่มกระบวนการเลิกกิจการ ทั้งนี้ การเลิกกิจการของ HMTH ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ แต่อย่างใด
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 ที่ 502 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 22% แต่ลดลง 18% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่นับรวมรายการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งมีฐานสูงในปีก่อน จะมีกำไรปกติที่ 437 ล้านบาท เติบโต 46% จากไตรมาสก่อน แต่ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ปรับเพิ่มขึ้น ถือว่าดีกว่าอุตสาหกรรมที่ยอดผลิตรถของประเทศไทยที่ปรับลดลง 5% จาก AH มีคำสั่งซื้อใหม่ในการผลิตชิ้นส่วน EV จำนวน 2 โมเดล
ทั้งนี้ ประเมินว่าส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจะลดลง 74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 42 ล้านบาท เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากฮุนไดมอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่หายไปหลังจากที่ทางฮุนไดมอเตอร์เข้ามาทำตลาดเอง ตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวฉุดให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานปกติลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 5.9% เหลือ 5.8%
ขณะเดียวกัน ประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/66 คาดจะเติบโตจากไตรมาส 3/66 ซึ่งจะเข้า High season แต่เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีแนวโน้มลดลง ตามส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่ลดลง แม้แนวโน้มที่เหลือของปีผลประกอบการมีแนวโน้มอ่อนตัวลง แต่ถ้ากำไรไตรมาส 3/66 เป็นไปตามที่คาด กำไร 9 เดือนแรกปี 66 จะคิดเป็น 72% ของประมาณการ ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้คงเดิมที่ 1,883 ล้านบาท
นอกจากนี้ คาดกำไรปี 2567 เติบโต 7% จากปีนี้เป็น 2,020 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุน คือธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จะได้แรงหนุนจากธุรกิจใหม่ จากกิจการร่วมทุน Purem AAPICO ในการผลิตชิ้นส่วนระบบควบคุมไอเสียซึ่งมี 2 โรงงานในเมืองราวัง ประเทศมาเลเซีย และจังหวัดระยอง ประเทศไทย รวมกำลังการผลิต 2 แห่งกว่า 700,000 ชิ้นต่อปี ซึ่งคาดรับรู้รายได้ในปี 2567 ราว 1,700 ล้านบาท ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น เนื่องจากบริษัทมีการเริ่มธุรกิจตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ซึ่งมีการบันทึกต้นทุนแต่ยังไม่มีรายได้เข้ามา ทำให้ในปี 2566 รับรู้ผลขาดทุนราว 30 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 คาดพลิกกลับมามีกำไร 102 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจตัวแทนขายรถยนต์สำหรับในประเทศไทย คาดได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ทำให้กำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว ส่วนธุรกิจตัวแทนขายรถที่มาเลเซียคาดยังฟื้นตัวดีต่อเนื่อง
แม้แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มชะลอตัว แต่ทั้งปีคาดผลประกอบการยังเป็นไปตามที่คาดการณ์ และในปี 2567 คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวจากธุรกิจใหม่ ระยะยาวคาดได้ประโยชน์จากการมาของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งล่าสุดลูกค้ารายใหญ่ ISUZU ประกาศแผนการลงทุนใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตกระบะ EV ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 48.40 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่ายังถูก ขณะที่หุ้น AH ยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดปีนี้จ่ายปันผล 1.59 บาทต่อหุ้น ให้ผลตอบแทน 5.2% จากราคาปัจจุบัน