หุ้น TTW คงสถานะ “หุ้นปันผลสูง” ผลบวกสัมปทานน้ำประปาใหม่ 10 ปี กำไรแน่น แม้ราคาขายน้ำลด 52%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ้น TTW คงสถานะ “หุ้นปันผลสูง” ผลบวกสัมปทานน้ำประปาใหม่ 10 ปี กำไรแน่น แม้ราคาขายน้ำลด 52%

Date Time: 25 ต.ค. 2566 07:00 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Latest


กลับสู่เส้นทางหุ้นปันผลสูงอีกครั้ง สำหรับ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ผู้ให้บริการด้านน้ำประปารายใหญ่ของไทย หลังจากบริษัทสามารถต่อสัมปทานการขายน้ำประปา ขายน้ำประปาออกไปอีก 10 ปี โดยที่บริษัท ประปาปทุมธานี จํากัด (PTW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เป็นคู่สัญญากับ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ตามสัญญาให้สิทธิดําเนินการผลิต และจําหน่ายนํ้าประปา ฉบับลงวันที่ 31 สิงหาคม 2538 และสัญญาซื้อขายนํ้าประปาเพื่อใช้ในพื้นที่ สํานักงานประปารังสิต ฉบับลงวันที่ 15 กันยายน 2549 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 14 ตุลาคม 2566 และ กปภ.อาจยินยอมให้ PTW เช่าเพื่อต่ออายุการประกอบการตามสัญญาให้สิทธิฯ และ ขยายระยะเวลาสัญญาซื้อขายฯ ให้ PTW ได้อีก 10 ปี

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ ให้มุมมองต่อหุ้น TTW โดยประเมินว่า การปรับสัญญาใหม่ของ PTW จะไม่ส่งผลต่อความสามารถในการจ่ายปันผลอย่างมีนัยสำคัญ เพราะโครงสร้างสัญญาใหม่กระทบกำไร TTW เพียง 5% เพราะต้นทุนก็ลดลงไปด้วย แต่ทว่าการฟื้นตัวของผู้ใช้น้ำ, ราคาขายน้ำที่ปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ และต้นทุนไฟฟ้าที่ลดลง คาด TTW จะกลับมามีกำไร 3 พันล้านบาท ในปี 2570 ขณะกระแสเงินสดเพียงพอ สำหรับการจ่ายปันผลปีละ 6.6%

 

การต่อสัมปทาน PTW ไปอีก 10 ปี บนโครงสร้างใหม่ แม้ราคาขายน้ำจะลดลง 52.8% เป็น 6.50 บาท/ลบ.ม. แต่ต้นทุนคาดจะลดลง 44.1% จากไม่มีค่าตัดจำหน่าย เราทดสอบพบว่า กำไรสุทธิ PTW จะลดลงเล็กน้อย 152 ล้านบาท ในปี 2567 กระทบ TTW เพียง 5% แต่ได้ความมั่นคง 10 ปี และต่อได้อีก 10 ปี   

ทั้งนี้ ปี 2567 คาดกำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท ลดลง 6.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กดดันจากกำไร CKP แต่จะฟื้นเป็น 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จากช่วงเดียวกกันของปีก่อน ปี 2567 และกลับไป 3 พันล้านบาท ในปี 2568 จากปริมาณใช้น้ำ ฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เราคาดว่าปริมาณขายน้ำจะกลับไปจุดดีที่สุดปี 2563 ใน ราวปี 2570 เป็นต้นไป ส่วนในระยะสั้น ไตรมาสที่ 3 คาดกำไรสุทธิ 828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% จากไตรมาสก่อน สูงสุดรอบ 4 ไตรมาส จากปริมาณขายน้ำรวมที่ 72.4 ล้าน ลบ.ม. สูงสุดรอบ 8 ไตรมาส และกำไร CKP ที่เร่งตัวตามฤดูกาล ราคาเหมาะสม 10.40 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ประเมินว่า ทิศทางกําไร ไตรมาสที่ 3 ปี 2566 คาดฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ทําระดังสูงสุดของปีฝ่ายวิจัยคาดกําไรสุทธิงวดไตรมาสที่ 3 จากปีก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 40.7% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 879.3 ล้านบาท ขึ้นทําระดับสูงสุดรายไตรมาสของปี 2566

รับแรงหนุนหลักจากส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม CKP (TTW ถือหุ้น  24.98%) ที่คาดจะรับรู้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นมีนัยฯ มาอยู่ราว 224.9 ล้านบาท จากไตรมาส 2 ที่รับรู้ส่วนแบ่งกําไรเพียง 0.5 ล้านบาท ตามการเข้าสู่ช่วง High season ของฤดูฝน ส่งผลให้กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากขึ้น  ประกอบกับรายได้จากธุรกิจหลักขายน้ำประปาที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท จากปริมาณขายน้ำในเขตพื้นที่ TTW และ PTW ที่เพิ่มขึ้น 0.3% จากไตรมาสก่อน และ 1.9% จากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่  35.2 และ 35.2 ล้านลูกบากศ์เมตรตามลําดับ จากภาคอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมที่ใช้น้ำมากขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ปริมาณขายน้ำในเขตพื้นที่ BIE ปรับตัวลดลง 3.1% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ราว 1.9 ล้านลูกบากศ์เมตร

จากแนวโน้มการผลิตและส่งออกของโรงงานในพื้นที่ดังกล่าวที่ลดลงจากไตรมาสก่อน รวมถึงต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลงตามการประกาศปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร  (Ft.) ของทางภาครัฐ ส่งผลให้อัตรากําไรขั้นต้น (GPM) คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 65.5% จาก 63.4% ในงวดไตรมาส 2 ปี 66 ส่งผลให้คาดกําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 4.3% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท อีกทั้งคาดต้นทุนทางการเงินจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องราว 4.6% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 34.6 ล้านบาท จากการทยอยจ่ายคืนเงินเงินต้นที่มีภาระดอกเบี้ยของทางบริษัทฯ โดยรวมแล้วคาดกําไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรก อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ลดลง 12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  และคิดเป็นสัดส่วน 67.6% ของประมาณการทั้งปี 2566 เดิมที่ฝ่ายวิจัยได้ประเมินไว้ ปรับประมาณการกําไรตั้งแต่ปี 66

 

ทั้งนี้กำไรไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อน ฝ่ายวิจัยฝ่ายได้ปรับประมาณการกําไรปี 2566 เป็นต้นไป โดยปรับลดประมาณการกําไรปี 2566 ลงจากเดิม 17.6% มาอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณกํากําไรปี 2567-2568 ขึ้นราว 5.5% และ 5.4% จากเดิม มาอยู่ที่ 2.3 และ 2.4 พันล้านบาท ตามลําดับ เพื่อสะท้อน

1) ผลการดําเนินงานในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 66 ของ TTW ที่ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากธุรกิจหลักที่ต้นทุนสูงขึ้นจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูงตามมการปรับขึ้นค่า Ft และส่วนแบ่งกําไรบริษัทร่วม CKP ที่ผลิตไฟฟ้าได้ต่ำจากภาวะฝนแล้งในปี 2566 โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับลดสมมติฐานอัตรากําไรขั้นต้น (GPM) ปี 2566 ลงเหลือ 62.4% จากเดิม 66.8% และปรับลดส่วนแบ่งกําไรจาก CKP ลง 45.4% จากเดิมมาอยู่ที่ 249.8 ล้านบาท

 

2) การรวมการต่อสัญญา PTW ฉบับใหม่ไว้ในประมาณการตั้งแต่ 15 ต.ค. 2566 - 14 ต.ค. 2576 ภายใต้ประมาณการใหม่ส่งผลให้กําไรสุทธิปี 2566-2567 คาดลดลง 13.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลําดับ ขณะที่ปี 2568 คาดจะเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย 1.5% จากปีก่อนช่วงสั้น คาดทิศทางกําไรปกติงวดไตรมาสที่ 4 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน กดดันจากธุรกิจน้ำประปาที่คาดปริมาณขายน้ำโ ดยรวมจะเริ่มปรับตัวลดลงตามการเข้าสู่ช่วง low season ในช่วงฤดูหนาว และวันหยุดเทศกาลที่มีมากในช่วงไตรมาสที่ 4 รวมถึงสัญญา PTW ฉบับใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอัตรากําไรที่ลดลง ประกอบกับส่วนแบ่งกําไรบริษัทร่วม CKP ที่คาดจะรับรู้ผลประกอบการลดลงหลังจากผ่านพ้นช่วง Peak

ในไตรมาสที่ 3 มาแล้ว นอกจากนี้คาดยังมีค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติ จากค่าใช้จ่ายพนักงานในช่วงปลายปี.

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์