ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 ต.ค.66 ปิดที่ 1,437.85 จุด บวก 4.45 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 38,504.36 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,799.98 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 175 บาท บวก 5 บาท, PTT ปิด 34 บาท บวก 1 บาท, TAN ปิด 16.40 บาท ลบ 0.10 บาท, HANA ปิด 58.25 บาท บวก 0.75 บาท, CPALL ปิด 57.25 บาทลบ 0.50 บาท
หุ้นไทยปิดบวกต่างชาติพลิกซื้อสุทธิ ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มปิโตรฯที่ปรับตัวขึ้น หลัง GDP จีน 3Q66 ขยายตัว สูงกว่าคาด แต่ตลาดยังคงถูกกดดันจากสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ทำให้ขึ้นได้ไม่ไกล ขณะที่นักลงทุนรอดูผลประกอบการ 3Q66
บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุ มองมุมไหน ตลาดหุ้นไทยก็มีเสน่ห์ เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาวโดยหากพิจารณา SET Index ในเชิง Valuation ถือว่ามีความน่าสนใจในหลายมุม อาทิ PER, PBV และ EPS Growth
ในมุมของ PER ระดับ SET Index ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1,433.40 จุด มี Trailing PE อยู่ที่ระดับ 19.8 เท่า แม้จะดูสูง แต่จริงๆถูกกดดันจากกำไรงวด 4Q65 ที่ต่ำผิดปกติเพียง 1.72 แสนล้านบาท (ปกติอยู่ระดับ 2.5 แสนล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ถ้าดู Forward P/E23F จะเหลือเพียง 15.9 เท่า อิง EPS23F ที่ 88.6 บาท/หุ้น และถ้าเป็น P/E24F จะเหลือเพียง 14.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Forward P/E ในรอบ 10 ปี ที่ 18.8 เท่า
ขณะที่คาดหวัง SET ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะรีบาวน์ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า โดยประเมินว่า SET ปีนี้ขยับเหมือนปีที่แล้ว พบว่ามีการเคลื่อนไหวคล้ายคลึงกันมาก และมีค่า Correlation ระหว่างกันสูงถึง 0.7 เท่า ขณะที่ในปี 2022 จะเริ่มเห็น SET Index ฟื้นตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.-1 ธ.ค.65 โดยบวกถึง 4.9% ทำให้ปีนี้ มีโอกาสฟื้นตัวเหมือนปีที่แล้วในระยะถัดไปเช่นกัน
สำหรับหุ้นพื้นฐานเด่น เอเซียพลัส แนะนำซื้อ หุ้น JMT– CPN–WHA!!
อินเด็กซ์ 51
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่