ตลาดหุ้นไทยในปีนี้สร้างผลตอบแทนที่ไม่น่าประทับใจนัก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยจากการรายงานของ Investing เปิดเผยถึงผลตอบแทนของตลาดหุ้นของดัชนีตลาดหุ้นหลักทั่วโลก พบว่า ผลตอบแทนของไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (16 ต.ค.) ผลตอบแทนดันชี SET ลดลง 14.88% และ mai ให้ผลตอบแทนลดลง 27.74% เป็นการลดลงมากที่สุดในโลก
ในขณะที่ตลาดหุ้น ฮั่งเส็ง (HSI) ให้ผลตอบแทนลดลง -10.30% ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (SZSE) ให้ผลตอบแทนลดลง -10.10% ดัชนี China A50 Index ให้ผลตอบแทนลดลง -6.63% และดัชนีตลาดหุ้นของอิสราเอลที่คำนวณโดยตลาดหลักทรัพย์เทลอาวีฟ TA-35 Index ให้ผลตอบแทนลดลง -6.63%
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส สภาพของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา มีความผันผวนและเปราะบางผิดปกติ ทั้งที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลังก็เติบโตจากช่วงครึ่งปีแรก และขยายตัวต่อเนื่องในปี 2567
ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก็ทยอยมีผลบังคับใช้ และที่สำคัญเงินบาทก็กลับมาแข็งค่าขึ้นในเชิงมูลค่าพื้นฐาน พบว่าที่ระดับปัจจุบันยังต่ำกว่าดัชนีเป้าหมายปลายปีเกือบ 100 จุด ทั้งนี้ ประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน น่าจะเป็นสถานการณ์สงคราม อิสราเอล-ฮามาส ซึ่งมีความรุนแรง และต้องติดตามว่าจะมีการขยายวงออกไปในกลุ่มประเทศพันธมิตรอื่นๆ หรือไม่
โดยปลายทางที่กังวลในเชิงเศรษฐกิจคือราคาน้ำมัน ซึ่งหากปรับตัวสูงขึ้นมากจนนำมาซึ่งเงินเฟ้อรอบใหม่ ก็จะเป็นปัญหาที่รับมือได้ยาก ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของแต่ละประเทศปรับขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะที่ผันผวนสูง ขณะที่เงินทุนต่างชาติยังไหลออก สภาวะดังกล่าวทำให้การเทรดดิ้งความเสี่ยงสูง แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ซื้อและถือ คาด SET Index อยู่ในกรอบ 1410-1435 จุด Top Pick เลือก CPN, TOP และ WHA
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ ประเมินว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาส สร้างความกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องติดตามต่อคือเหตุการณ์ดังกล่าวจะขยายตัวเป็นวงกว้างหรือไม่ เพราะจะเป็นสาเหตุสำคัญต่อการผันผวนรุนแรงของราคาน้ำมันดิบโลก และภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงถัดไป
โดยล่าสุดทางด้านนายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมที่จะไปอิสราเอลในวันพุธนี้ เพื่อต้องการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในตะวันออกกลางขยายตัววงกว้าง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงสั้น
โดยด้านราคาน้ำมันดิบโลกย่อเล็กน้อยสู่ 89.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี วานนี้ยังคงปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7% (+9bps) ส่วนคืนนี้แนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่สำคัญ เช่น ยอดค้าปลีก เดือนกันยายน คาดที่เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน และลดลงจากเดือนก่อนที่ 0.6% จากเดือนก่อน ส่วนไฮไลต์สำคัญในสัปดาห์นี้คือถ้อยแถลงของประธาน FED ในคืนวันพฤหัสบดี เป็นจุดที่น่าติดตาม ด้านดัชนีวานนี้ปรับตัวแรงกว่า -2% ทำจุดต่ำสุดในรอบปี ส่งผลให้ SET Valuation ปัจจุบันเทรดที่ระดับ P/E ปีนี้ที่ 16.4 เท่า และปีหน้าที่ 14.2 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี ที่ระดับ 16.8 เท่า ผสานกับในมุมเทคนิคที่ SET เข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) สะท้อนความน่าสนใจของ SET มากขึ้น ดังนั้นคาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงถัดไป