จับตาหุ้นท่องเที่ยว ฟื้นหรือไม่ รัฐบาลเล็งเปิดวีซ่าฟรีเพิ่ม พ่วงเงินดิจิทัลใช้ท่องเที่ยวได้

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จับตาหุ้นท่องเที่ยว ฟื้นหรือไม่ รัฐบาลเล็งเปิดวีซ่าฟรีเพิ่ม พ่วงเงินดิจิทัลใช้ท่องเที่ยวได้

Date Time: 16 ต.ค. 2566 11:20 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในความหวังของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ ที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทย 30 ล้านคน แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และเหตุการณ์กราดยิงกลางห้าง ทำให้เป้าหมายนักท่องเที่ยวอาจไม่เป็นไปตามที่หวัง

ส่งผลให้รัฐบาลอาจมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม และอาจเปิดให้เงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถใช้ท่องเที่ยวได้ด้วย ซึ่งหากนโยบายดังกล่าวได้รับการขับเคลื่อน อาจช่วยหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวอีกครั้ง

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินว่า อิงประชาชาติธุรกิจ (14 ต.ค. 66) เปิดเผยว่า จากรายงานของสื่อนั้น ที่ภาครัฐวางแผนออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติม นำโดย 1.) เปิดวีซ่าฟรีเพิ่มเติมให้กับ อินเดีย ไต้หวัน ฯลฯ และ การขยายระยะเวลาพำนักในประเทศจาก 30 วัน เป็น 45 วัน 2.) รมต.ท่องเที่ยวฯ เสนอแนวคิดให้ผู้ที่ได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท สามารถนำเงินส่วนนี้มาใช้สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว 3,000 บาท 3.) กระทรวงการคลังจะมีการพิจารณาลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยบางรายการ เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทย มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

 

โดยความเห็นของเรา มองว่า มาตรการข้างต้นถือเป็นการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ภายใต้ปัจจัยท้าทายของภาคท่องเที่ยว ทั้งความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของ นักท่องเที่ยวจีน, สถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง (นักท่องเที่ยว 8 เดือนแรกที่ผ่านมา ที่ 4.1 แสนคน สัดส่วน 2.3% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย  3 ประเทศหลัก คือ ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, และคูเวต) กับอิสราเอล (นักท่องเที่ยว 8 เดือนที่ผ่านมา ที่ 1.6 แสนคน สัดส่วน 0.9% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย)

โดยวีซ่าฟรีเพิ่มเติมให้กับอินเดีย สัดส่วน 5.7% ของนักท่องเที่ยว ไต้หวัน สัดส่วน 2.6% กรณีที่เกิดขึ้นซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นสูง เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในฐานะตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย น่าจะช่วยจูงใจนักท่องเที่ยว 2 กลุ่มข้างต้น เดินทางเข้าไทยมากขึ้น ส่วนการขยายระยะเวลาพำนัก ทางฝ่ายวิจัยมองกลาง เนื่องจากหากพิจารณาระยะเวลาพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย ปกติอยู่ที่ราว 9 วัน (อิงปี 2562)

 

ด้านการนำเงิน Digital บางส่วนมาใช้ท่องเที่ยวในประเทศ ยังต้องติดตามต่อไป เพราะมีหลายกระทรวงเกี่ยวข้อง อีกทั้งเงื่อนไขในการใช้จะอยู่เฉพาะเมืองรองหรือไม่ โดยกรณีที่มีการแจกเงินช่วง ก.พ. 67 (ระยะเวลาใช้ 6 เดือน) ประเมินหนุนการท่องเที่ยวช่วง Low Season ช่วยลดอัตราการชะลอตัวของการดำเนินงานกลุ่มโรงแรมไทย (CENTEL, ERW) จากไตรมาสก่อน ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว

ภาพรวมเป็นต่อหุ้นในกลุ่มโรงแรมอย่างบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ  ERW ซึ่งมีโครงสร้างรายได้โรงแรมในไทยราว 90% ของรายได้รวม และมีโรงแรมกระจายในเมืองรองทั่วประเทศอย่าง Hop Inn TOURISM เท่าตลาด 16 ตุลาคม 2566 ตามด้วยบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL (สัดส่วนร้านอาหาร : โรงแรม 60% : 40%, โรงแรมไทยราว 80% ของรายได้โรงแรม)

ขณะที่บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT สัดส่วนรายได้ราว 50% มาจาก EU (NH Hotel) จึงได้ประโยชน์น้อยกว่ากลุ่มฯ ส่วนข่าวที่รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศยกระดับการเฝ้าระวังสถานการณ์การก่อการร้ายเป็นขั้นสูงสุด มองว่ากระทบจำกัด เหตุเพราะ NH Hotel มีจำนวนโรงแรมในฝรั่งเศสประมาณ 6 แห่ง จากทั้งหมด 351 แห่ง ณ สิ้นงวด 2Q66 โดยฝ่ายวิจัยคาดกำไรบริษัทในกลุ่มฯ (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ AOT, CENTEL, ERW, MINT) ปี 2566-67 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ทั้งนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มฯ ท่องเที่ยว ตั้งแต่เกิดเหตุความรุนแรงที่ศูนย์การค้าย่านสยาม (3 ต.ค. 66) จนถึง 12 ต.ค. 66 ทั้ง CENTEL และ ERW ปรับตัวลดลงราว 7%, AOT ลบ 2.1% และ MINT ลบ 1.6% (SET Index ช่วงเดียวกันสูงขึ้น 0.2%) ซึ่งอิงเหตุการณ์ระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมปี 2558 ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทำจุดต่ำสุดของรอบ จึงมีความเป็นไปได้ว่าการปรับตัวลงของหุ้นท่องเที่ยวช่วงที่ผ่านมา รับประเด็นลบจากเหตุความรุนแรงข้างต้นแล้ว สำหรับหุ้น ท่องเที่ยวไทย เลือก ERW มากกว่า CENTEL


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ