บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยเห็นสัญญาณบวกที่เห็น 3 ประการที่เรารอคอยได้แก่ Bond Yield สหรัฐที่ปรับลดลง, Dollar Index ที่อ่อนค่าลง และเงินบาทที่แข็งค่า ปรากฏขี้นพร้อมกันทำให้เริ่มเห็นเงินทุนต่างชาติไหลกลับมาที่บ้านเรา โดยวานนี้ซื้อสุทธิตลาดหุ้น 2.9 พันล้านบาท ตราสารหนี้ 1.6 หมื่นล้านบาท และ Long Future 2.2 หมื่นสัญญาณ เชื่อว่า จะเห็นแรงส่งที่จะทำให้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยบวกเพิ่มขึ้นได้ต่อ
ทั้งนี้ เป็นเรื่องน่ายินดี ที่ต่างชาติกลับมาซื้อตราสารไทยทุกตลาด วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้แรง 21.54 จุด หรือ 1.5% มาอยู่ที่ 1455.99 จุด และเป็นการบวกกระจายตัวทั้ง 26 Sectors โดยปรับขึ้น 442 บริษัท ทรงตัว 158 บริษัท และปรับลงเพียง 73 บริษัท
ในวานนี้แรงผลักดันส่วนหนึ่งมาจาก เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตราสารไทยทั้ง 3 ตลาด และยังคาดหวังจะมี Momentum ผลักดันให้ SET Index ขยับขึ้นต่อได้ โดยมี รายละเอียดต่างๆ ดังนี้ ต่างชาติซื้อตลาดหุ้นไทย 2.9 พันล้านบาท หรือ 80 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการ ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค ซึ่งเป็นรองเพียงตลาดหุ้นไต้หวันที่ซื้อ สุทธิ 728 ล้านเหรียญ (หลังจากตลาดหุ้นไต้หวันหยุดไป 2 วัน เนื่องจากเป็น วันชาติ) ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ต่างชาติซื้อสุทธิ 47 ล้านเหรียญ ต่างกับอินโดฯ และฟิลิปปินส์ ที่ถูกขายสุทธิ 32 ล้านเหรียญ และ 3 ล้านเหรียญ ตามลำดับ
ต่างชาติซื้อสุทธิ SET50 Futures สูงถึง 21,989 สัญญา ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิ ที่สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หนุนให้เดือน ต.ค.นี้ ต่างชาติพลิกมาเป็นซื้อสุทธิ สะสม SET50 Futures 26,094 สัญญา (จากต้นเดือนถึงวันนี้) ต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทย 16,122 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิที่ สูงสุดเป็นอันดับ 3 ในปีนี้ และปกติเวลาเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตราสารหนี้สูง เกิน 1 หมื่นล้านบาทต่อวัน มักจะเห็นเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้นด้วย ช่วยผลักให้ SET ขยับขึ้นได้ในระยะสั้นๆ ราว 1 สัปดาห์หลังจากนี้
ส่วนค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้แข็งค่าสุดในเอเชีย อยู่ที่ 1.66% (wtd) ภาพของค่าเงิน บาทที่พลิกกลับมาแข็งค่า และยังมีแรงหนุนให้แข็งค่าต่อ อาจจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเพิ่ม เพราะนอกจากจะมีโอกาสได้กำไร จากตลาดหุ้น ก็ยังมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมด้วย
สรุป ทั้ง เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดรองของไทย (ตลาดตราสารหนี้, ตลาดหุ้น, ตลาด TFEX) จำนวนมาก และค่าเงินบาทที่พลิกกลับมาแข็งค่า น่าจะหนุน ในเงินทุนต่างชาติมีแรงหนุนไหลเข้าต่อได้ และช่วยพยุงให้ดัชนีทยอยฟื้นตัว ได้ โดยฝ่ายวิจัยประเมิน ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1,524 จุด และปี 2567 ที่ 1,717 จุด
สำหรับแนวโน้ม เศรษฐกิจไทยในมุมมอง ธปท. เห็นว่าสัญญาณการฟื้นตัวยังเกิดต่อเนื่อง โดยในปี 2567 คาดเติบโต 4.4% แรงขับเคลื่อนหลักมาจากการบริโภคภาคครัวเรือน ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน 2.5% เหมาะสมกับการเติบโตเศรษฐกิจใน ระยะยาว ซึ่งสัญญาณดังกล่าวทำให้คาดว่าน่าจะเห็นการคงอัตราดอกเบี้ย นโยบาย ส่วนปัจจัยเสี่ยงได้แก่ สถานการณ์สงคราม เฉพาะอย่างยิ่ง อิสราเอล-ฮามาส โดยต้องติดตามใกล้ชิดว่าจะมีโอกาสขยายวงออกไปหรือไม่ ประเมินว่า SET Index วันนี้น่าจะเห็น Momentum เหวี่ยงขึ้นได้ต่อ แต่ Upside ไม่มากเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว คาดกรอบการเคลื่อนไหว 1445-1465 จุด สำหรับหุ้น Top Pick วันนี้เลือก ADVANC, COM7 และ TU