ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทในช่วงที่ผ่านมาผันผวนอย่างหนัก นำโดยบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น JMART และบริษัทย่อยเรือธงอย่าง บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น JMT ท่ามกลางกระแสข่าวลือเชิงลบ ภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน และความคาดหวังของนักลงทุนต่อแนวโน้มผลประกอบการ
สำหรับข่าวลือเกี่ยวกับผลประกอบการและความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้นั้น เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART ออกมาให้ข่าวว่า ทิศทางของผลงานครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสดใส พร้อมย้ำว่า ได้พ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 2/66 ส่วนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด ได้จ่ายชำระคืนไปแล้วทั้งหมด 1 พันล้านบาท โดยบริษัทจะไม่มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอีกแล้วในรอบอีกเกือบ 1 ปีข้างหน้า
ผลงานครึ่งปีหลังสดใส
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (จำกัด) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นของ JMART มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดูสดใสขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จากรายได้ที่จะโตขึ้นในทุกๆ ธุรกิจ คือ การจัดจำหน่ายมือถือ ที่เป็นธุรกิจหลัก การติดตามหนี้ และพื้นที่ให้เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจ
ขณะเดียวกัน การรับรู้ส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุน จากบริษัทร่วม คาดจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/66 เป็นต้นไป ตามการฟื้นตัวของกลุ่มบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และบริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) หรือ สุกี้ตี๋น้อย ที่จะมีกำไรโตขึ้นตามการขยายสาขาเพิ่ม
นอกจากนี้ บล.เอเซีย พลัส ให้คําแนะนําสําหรับ JMART เป็น “Outperform” ที่ราคา 24 บาทต่อหุ้น จากเชื่อว่าผลการดําเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/66 และแนวโน้มที่ดูสดใสขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งส่วนแบ่งกําไร (ขาดทุน) จากบริษัทร่วมที่คาดจะเริ่มดีขึ้น ส่วนความเสี่ยงจากผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุน (Unrealized loss) ในบริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR และบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC น่าจะต่ำกว่าในไตรมาสที่ 1/66 และไตรมาสที่ 2/66 หลังจากที่ราคาหุ้นปรับลงมาแล้ว
JMT ทำนิวไฮต่อเนื่อง
ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ระบุว่า อุปสรรคภายนอกที่เคยขัดขวางการเติบโตในปีก่อน จะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง ขณะที่สิ่งแวดล้อมในการทำธุรกิจ กำลังเปิดทางให้บริษัทจะมีกำไรสุทธิเป็นสถิติใหม่ระหว่างปี 2566-2567 ได้สบายๆ โดยคาดกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 2,329 ล้านบาท เติบโต 33.4% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิปี 2567 คาดว่าอยู่ที่ 2,879 ล้านบาท เติบโต 23.6% จากปีนี้ และมองว่าตลาดประเมินกำไรต่ำไป 7-8% โดยแนะนำ “ซื้อ” JMT ราคาเหมาะสมปีหน้า 70.00 บาท
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเจอมรสุมแห่งความคาดหวังที่สูงเกินไปจน P/E ปี 2564 พุ่งแตะ 74.7 เท่า และก็ถูกลงโทษจากปัจจัยภายนอกที่เหนือความคาดหมาย โดยราคาหุ้นทรุดลงจากจุดสูงสุด 63% และเมื่อกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ยอดเยี่ยมเผยออกมา ผนวกกับสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เอื้อบริษัทอีกครั้ง เราเชื่อว่า ตลาดจะเริ่มมั่นใจและ re-rating หุ้นขึ้นเรื่อยๆ ภาวะตลาดผันผวนนี้ เราแนะทยอยสะสมซื้อลงทุนข้ามปี 2567 ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนเป็น P/E ที่ 22.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี ถึง 41%
นอกจากนี้ มองว่าปี 2567 อุปทานหนี้พร้อมให้ช้อนซื้อ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยหนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 1/66 ทะลุ 16 ล้านล้านบาท หรือ 90.6% ของจีดีพีไปแล้ว (เกินเกณฑ์ของ BIS ที่ 80%) ส่วนหนี้เฝ้าระวัง SML สูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท ขณะที่สภาพัฒน์ฯ ชี้ว่า หนี้เสียรวมอาจสูงถึง 9.8 แสนล้านบาท เราจึงเชื่อว่า โมเมนตัมการลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจะกลับมาปกติ 1 หมื่นล้านบาทปีนี้ และจะเร่งขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านบาทในปีหน้า ซึ่งบริษัทมีความพร้อมสูงด้วย D/E ต่ำเพียง 0.51 เท่า ประสบการณ์ยาวนาน 20 ปี และสถิติเก็บหนี้ Cash collection ไตรมาส 2/66 ยอดเยี่ยม ทำสถิติใหม่ 1,561 ล้านบาท หรือโตกว่า 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน