“สงครามอิสราเอล” กดหุ้นไทยผันผวน หวัง 1,430 จุด ยังรับไหว แนะหาหุ้นหลบภัยต่างชาติถือน้อย

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

“สงครามอิสราเอล” กดหุ้นไทยผันผวน หวัง 1,430 จุด ยังรับไหว แนะหาหุ้นหลบภัยต่างชาติถือน้อย

Date Time: 9 ต.ค. 2566 10:31 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • จับตาเหตุการณ์การสู้รบอย่างรุนแรงระหว่างอิสราเอลและฮามาส อาจทำให้สินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย แต่อาจได้รับผลกระทบจำกัด มองแนวรับบริเวณ 1,430 จุด

Latest


ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนอย่างหนักจากปัจจัยภายนอกในช่วงที่ผ่านมา กดดันให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง ล่าสุดเกิดการสู้รบอย่างรุนแรงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างจับตาผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย และติดตามต่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะขยายเป็นวงกว้างสู่ประเทศอื่นหรือไม่ และทิศทางของกระแสเงินลงทุนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในช่วงสั้นคาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง เพราะเมื่อย้อนไปดูข้อมูลในอดีตจะเห็นได้ว่า ช่วงที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ มักทำให้ตลาดหุ้นผันผวน เชื่อว่าน่าจะทำให้กระแสเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าไปพักในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น โดยเริ่มเห็นหัวขบวนอย่างราคาทองคำปรับตัวนำขึ้นไปแล้ว และในทางตรงข้ามก็น่าจะทำให้ Fund Flow ยังไม่ไหลเข้าตลาดบ้านเรา ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือราคาน้ำมัน ที่ดูเหมือนมีการขยับตัวขึ้นมาอีกครั้ง อาจจะดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มน้ำมัน แต่หากเหตุการณ์ยืดเยื้อก็ต้องมองต่อไปที่เงินเฟ้ออีกรอบหนึ่ง


ทั้งนี้ หากมาพิจารณาถึงผลกระทบเชิงเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะไม่รุนแรง เนื่องจากอิสราเอลและปาเลสไตน์ มีสัดส่วนการนำเข้า-ส่งออกน้อย อีกทั้งชาวอิสราเอลเดินทางเข้าไทย 8 เดือนแรกของปี 66 อยู่ที่ 1.59 แสนราย นับตั้งแต่ต้นปี คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.89% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด


อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีปัจจัยภายนอกที่กดดันตลาดหุ้นหลายอย่าง โดยตั้งแต่ต้นเดือนนี้ต่างชาติยังคงขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ กดดันให้ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1,438 จุด และมี P/BV ที่ต่ำเพียง 1.4 เท่า ถือว่าอยู่ในโซนน่าสะสม ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน แนะนำสะสมหุ้นหลบความผันผวนจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งจากหุ้นพื้นฐานดีต่างชาติถือน้อย เช่น PLANB, COM7, AOT, PTTEP และหุ้นผันผวนต่ำ ปันผลสูง เช่น LH, HMPRO, ADVANC เชื่อว่ายังมีโอกาส Outperform ตลาดได้


นอกจากนี้ วันศุกร์ที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเบาบางสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ในเชิงเทคนิคดัชนีลงแตะ Downtrend ช่วง 1,430-1,435 จุดอีกครั้ง ภาพรวมยังมีแรงเหวี่ยง แต่คาดว่าจะไม่หลุด 1,430 จุด


ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากประเด็นกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล นำมาสู่การประกาศภาวะสงครามของอิสราเอล คาดโอกาสค่อนข้างสูงที่อิสราเอลจะออกมาตรการตอบโต้รุนแรง ซึ่งอาจส่งผลให้พื้นที่สงครามอาจขยายวงกว้างมากขึ้นในระยะถัดไป เป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ส่วนหุ้นไทยวันนี้ มองแนวรับที่บริเวณ 1,430 จุด และ 1,408 จุด และแนวต้านที่บริเวณ 1,445 จุด และ 1,456 จุด


อีกทั้งคาดจะส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าวบ้างเล็กน้อยแต่สิ่งที่เรามีความกังวลคือการขนส่งน้ำมันดิบ โดยเฉพาะในช่วงคลองซุเอซ อาจได้รับผลกระทบ กระตุ้นความกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัวอีกครั้ง คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น และช่วยประคองตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นได้


อย่างไรก็ดี คาดว่า Downside ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีความจำกัด จากระดับการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยล่าสุดอยู่ที่ Forward PE 16.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 16.7 เท่า ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าความน่าสนใจในเชิง Valuation มีมากขึ้น แต่ยังต้องติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและ Fund Flow ต่างชาติต่อ


ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า วันนี้คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งออกข้างตามกรอบ 1,425-1,450 จุด ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส อาจสร้างจิตวิทยาลบได้บ้าง แต่จากการศึกษาผลกระทบ 4 รอบในอดีต สรุปได้ว่าหากความรุนแรงไม่ได้ขยายวงไปประเทศอื่นๆ ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยจะมีอย่างจำกัด


ขณะที่การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ เดือนกันยายน แม้ออกมามากกว่าคาด แต่การเพิ่มขึ้นมาจากภาคบริการและโรงแรม ซึ่งอยู่ในกลุ่มอัตราค่าแรงไม่สูง ขณะที่อัตราค่าจ้างรายชั่วโมงและอัตราการว่างงานไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นเล็กน้อย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี แกว่งทรงตัว จึงไม่ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดเพิ่ม ส่วนปัจจัยในประเทศ ให้น้ำหนักที่ความคืบหน้าโครงการ Digital Wallet และการรายงานงบไตรมาส 3/66 กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์