กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้ว สำหรับ บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารพื้นที่จอดรถ โดยมีราคาไอพีโอที่ 3.80 บาท โดย #ThairathMoney รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจก่อนที่จะเข้าเทรดมาแล้ว
JPARK แบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลัก คือ (1) ธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (2) ธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (3) ธุรกิจให้คำปรึกษาและรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ โดยธุรกิจให้บริการและการรับบริหารที่จอดรถ
ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ให้บริการกว่า 63 แห่ง มีช่องจอดรถภายใต้การดูแลกว่า 28,000 ช่องจอด ได้แก่ บริเวณจุดเชื่อมต่อ-จุดเปลี่ยนผ่านกับระบบรถไฟฟ้าขนส่งสาธารณะ ศูนย์การค้าและตลาด โรงพยาบาล สถานศึกษา และสนามบิน เป็นต้น ซึ่งพื้นที่ให้บริการส่วนใหญ่ จะอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดยในการเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น JPARK เสนอขายหุ้นต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 82.5 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ ไม่เกิน 16.5 ล้านหุ้น กรรมการและผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ ไม่เกิน 11 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 25-27 กันยายน 2566 ในราคาหุ้นละ 3.80 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 418 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,520 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 23.74 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด
ทั้งนี้ สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai พบข้อมูลที่น่าสนใจ โดยมี บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เข้าถือหุ้นจำนวน 4 ล้านหุ้น เป็นอันดับที่ 3 คิดเป็น 1% ของหุ้นทั้งหมด
JPARK กำไรโตไปอีก 3 ปี
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทประเมินมูลค่าพื้นฐานของ JPARK ไว้ที่ 5 บาท โดยอิงราคาปิดกำไรต่อหุ้นที่ 22 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของผู้ให้บริการที่จอดรถในต่างประเทศ โดย บล.กรุงศรี มองว่า บริษัทมีความน่าสนใจ เนื่องจาก 1 เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจบริหารที่จอดรถในไทย มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี 2 มีบริการในทำเลพื้นที่มีศักยภาพสูง และ 3 ธุรกิจมีรายได้สม่ำเสมอ 4 มีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ บริษัทมีที่จอดรถอยู่ในพื้นที่ศักยภาพสูง โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ศูนย์การค้า และตลาดในย่าน CBD 43% โรงพยาบาล 25% มหาวิทยาลัย 17% สนามบิน 5% อื่นๆ 10% ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นสถานที่มีการจราจรคับคั่ง นอกเหนือจากนี้ยังมีธุรกิจรับจ้างบริหารที่จอดรถ ซึ่งราว 74% เป็นที่จอดรถแล้วจนติดรถไฟฟ้า อาทิ สายสีม่วง สีน้ำเงิน โดยบริษัทจะได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ซึ่งช่วยสร้างรายได้ประจำราว 85–90% ในปี 2020–2022
สำหรับประมาณการเติบโตในปี 2023 – 2025 จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 24% จากรายได้เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นประมาณ 19% ต่อปี จากจุดให้บริการที่จอดรถเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวจากราคาค่าจอดรถในพื้นที่ใหม่ อัตราที่สูงกว่า และธุรกิจรับจ้างบริหารจะมีการต่อสัญญาและได้อัตราการจ้างที่สูงมากขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเข้าเข้า IPO เสริมแกร่งการแข่งขันและการเติบโตอนาคต ภาพรวมจากโอกาสการเติบโต และความสามารถในการแข่งขันดังกล่าว บริษัทจึงเตรียมที่จะเสริมความแข็งแกร่งผ่านการเข้าระดมทุน IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเข้ามาเสริมความพร้อมรับงานในอนาคต และภายใต้แผนปัจจุบัน คือ
1. การลงทุนสร้างอาคารจอดรถและพาณิชย์ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า รวมกว่า 530 ช่องจอด คาดเปิด COD เดือน ส.ค. 24
2. โครงการในอนาคต การพัฒนาแอป Prompt Park รองรับการซื้อ, ขาย และเช่าพื้นที่จอดของผู้ที่มีพื้นที่จอดรายย่อยทั่วประเทศ โดยคาดพร้อมใช้ภายในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2567
ทั้งนี้ บริษัทคาดกำไร ปี 2023-25 เติบโตเฉลี่ยสูง 27.8% หนุนจากรายได้รวม ปี 2023-25 คาดเติบโต 2566 เติบโต 13.6% ปี 2567 เติบโต 34.7% ปี 2568 เติบโต 12.4% จากช่องจอดที่คาดเพิ่มจาก 1.44 หมื่นช่องจอด เป็น 1.74 หมื่น
ช่องจอดจากการขยายพื้นที่ให้บริการต่อเนื่อง รวมถึง U-rate พื้นที่จอดรถที่ปรับตัวขึ้น ประกอบกับ Gross profit margin ที่คาดปรับเพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 5.20 บาท ฝ่ายวิจัยใช้วิธี PEG valuation ที่ 0.79 เท่า โดยอิง
หลัก conservative (20% discount) มาจาก PEG’24 ของหุ้นที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน ได้แก่ Nippon Parking Development, SP Plus และ Park 24 ในประเทศสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่ 0.99 เท่า ภายใต้ EPS’24 ที่ 0.24 บาท/หุ้น และ EPS growth เฉลี่ย CAGR ปี 2023-25 ที่ 27.8% ต่อปี