บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 บริษัท กัลฟ์ พีดี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ พีดี (GPD) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ หน่วยผลิตที่ 2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ โดยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยตามกำหนด
โครงการ GPD เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined-Cycle Gas Turbine) ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 เมกะวัตต์ (แบ่งเป็น 4 หน่วยผลิต หน่วยผลิตละ 662.5 เมกะวัตต์) ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ปลวกแดง) อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. เป็นระยะเวลา 25 ปี ทั้งนี้ หน่วยผลิตที่ 1 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ในขณะที่หน่วยผลิตที่ 3-4 มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม 2567 และตุลาคม 2567 ตามลำดับ
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จํากัด ระบุว่า คาดกําไรเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกหนึ่งแห่งคือ GPD ซึ่งมีกําลังการผลิตรวม 2,650 เมกะวัตต์ หน่วยที่สอง ของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ขนาด 662.5 เมกะวัตต์ จะดําเนินการในเดือนตุลาคม 2566 หลังจากหน่วยที่หนึ่งเริ่มดําเนินการในเดือนมีนาคม 2566 ประกอบกับกําลังการผลิตเพิ่มเติมในโอมาน (Duqm SEZ) จะทยอยเปิดดําเนินการในปี 2566 จนถึง 326 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกําไรจาก Jackson Generation ก็จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ที่ขาดทุน 349 ล้านบาท เนื่องจากราคาไฟฟ้าตํ่า ส่วนแบ่งกําไรจากบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น INTUCH จะช่วยสนับสนุนกําไรปี 2566 อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนแบ่งกําไรที่มีเสถียรภาพปีละ 4-5 พันล้านบาท
อย่างไรก็ดี ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกําไรที่แข็งแกร่งของ GULF และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 63 บาท/หุ้น.