ดอยไม่ไหว หุ้นลีสซิ่งร่วงหนัก แบกต้นทุนดอกเบี้ยพุ่ง คาด MTC -TIDLOR กำไรหด 3%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ดอยไม่ไหว หุ้นลีสซิ่งร่วงหนัก แบกต้นทุนดอกเบี้ยพุ่ง คาด MTC -TIDLOR กำไรหด 3%

Date Time: 28 ก.ย. 2566 14:14 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • ราคาหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลดลงหนัก หลัง กนง. มีมติประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายวานนี้ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ชี้อาจทำต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น

Latest


ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน (ลีสซิ่ง) วันนี้ ปรับตัวลดลงแรง ได้แก่ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ลดลง 3.40% มาอยู่ที่ 35.50 บาท บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ลดลง 0.48% มาอยู่ที่ 20.80 บาท บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ลดลง 1.15% มาอยู่ที่ 43.00 บาท บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG ลดลง 1.63% มาอยู่ที่ 2.42 บาท และบริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP ลดลง 1.23% มาอยู่ที่ 3.22 บาท


บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อีก 0.25% มาที่ 2.5% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยเข้าสู่จุดเหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวตามมุมมองของ กนง.


สำหรับหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน หรือ Non–Bank (เฉพาะ MTC, SAWAD, TIDLOR) กรณีที่ธนาคารมีการปรับขึ้น M-Rate และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยืนในระดับสูง ในทางพื้นฐานส่งผลให้แนวโน้มต้นทุนทางการเงินของกลุ่มสูงขึ้นในระยะถัดไป ซึ่งโครงสร้างหนี้สินที่มีดอกเบี้ยอายุ 1 ปี ณ สิ้นงวดไตรมาส 2/66 เฉลี่ยอยู่ที่ 38% ของภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย คิดเป็นหนี้กับ สถาบันการเงินประมาณ 21% ของภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย


โดยช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ เริ่มต้นวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของไทยช่วงครึ่งหลังปี 2565 พบว่าต้นทุนทางการเงินของกลุ่ม งวดไตรมาส 2/66 อยู่ที่ ประมาณ 3.3% เทียบกับ 3.0% งวดไตรมาส 2/65 ตรงข้ามกับฝั่งดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อคงที่ กรณีมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นจะส่งผลเฉพาะสัญญาฉบับใหม่ ด้านคุณภาพสินทรัพย์กลุ่มธุรกิจการเงิน มองว่ายังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นของหนี้เสีย (NPL)


อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นกลุ่มจำนำทะเบียน ตั้งแต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับตัวขึ้นช่วงกันยายน 2566 ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มธุรกิจการเงินมีการปรับฐาน พอสมควร และนับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนติดลบทุกตัว น่าจะสะท้อนปัจจัยข้างต้นบางส่วนแล้ว


นอกจากนี้ ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น TIDLOR ที่ราคาเป้าหมาย 26 บาท เพราะราคาหุ้นลดลง 20.3% ตั้งแต่ต้นปี มากกว่า MTC และ SAWAD ลดลง 3.3% และลดลง 10.8% จากต้นปีตามลำดับ ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์ของ TIDLOR ในเชิง Coverage ratio สูงสุดในกลุ่มที่ 266% ขณะที่ MTC ราคาหุ้นที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ราคาเทียบราคาพื้นฐาน ปี 2567 ที่ 40 บาท มีอัพไซด์เปิดกว้างขึ้น


ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในการวิเคราะห์สถานการณ์ของเราถือว่าต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นเล็กน้อย จับตาดูการออกตราสารหนี้รอบใหม่ที่จะชดเชยรุ่นที่กำลังจะหมดอายุใน 12 เดือนข้างหน้า ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นล่าสุด


นอกจากนี้ ยังทราบด้วยว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ยังมีทางเลือกในการจัดหาในอัตราที่น่าดึงดูดจากธนาคารมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายเล็ก


ในการวิเคราะห์สถานการณ์ โดยวางสถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุด คาดการณ์ว่าต้นทุนเงินทุนสูงกว่าการคาดการณ์เดิม 20-30 bps สำหรับ MTC และ TIDLOR ซึ่งเห็นว่ามีผลกระทบต่อกำไรสุทธิประมาณ 3-4% สำหรับทั้งสองฝ่าย ซึ่งหลังจากนั้นยังแสดงให้เห็นว่ามีการฟื้นตัวของกำไรในระดับกลางของทั้งสองบริษัทในปี 2567 เราสังเกตว่า Credit Cost ยังคงอยู่ในระดับที่สูงขึ้นในปี 2567 และอาจเป็นด้านการเงินที่ควรระมัดระวังหากเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น


ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MTC โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 40.00 บาท และ “ซื้อ” สำหรับ TIDLOR โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 28.00 บาท


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์