เป็นที่จับตาสำหรับนักลงทุนรายย่อย หลังกรมสรรพากรมีคำสั่งการจัดเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศ ซึ่งต้องนำเงินได้พึงประเมินมารวมคำนวณ เพื่อเสียภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรง
สำหรับมุมมองของผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด (KKP Dime) ผู้นำแอปเทรดหุ้นต่างประเทศ บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ให้ความเห็นว่า การเก็บภาษีนั้นทำได้ แต่ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรม ความชัดเจน และต้องมีแนวทางในการนำมาปฏิบัติได้ อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีนั้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนและโอกาสการลงทุนต่างประเทศของนักลงทุนรายย่อย
เก็บภาษีหุ้นนอก กระทบต้นทุนรายย่อย
กัมพล จันทรวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KKP Dime กล่าวว่า การเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศนั้น สามารถทำได้ แต่ต้องมีความยุติธรรมและมีความสมเหตุสมผล ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบในภาพรวม และเสนอให้ศึกษาแนวทางการเก็บภาษีจากต่างประเทศว่าที่อื่นทำอย่างไร เชื่อว่านักลงทุนไทยสามารถยอมรับได้ ซึ่งยังต้องติดตามความชัดเจน พร้อมฝาก 3 คำถามสำหรับของแนวทางการเก็บภาษี ว่าจะเก็บเท่าไร เก็บอย่างไร และเก็บเมื่อไร
ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนต้องเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการลงทุน ระหว่างหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ ซึ่งมีข้อดีที่แตกต่างกัน โดยมองว่าการเก็บภาษีจะกระทบต่อต้นทุนของลูกค้าที่เป็นนักลงทุนรายย่อยให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการปิดกั้นโอกาสในการลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นต่างประเทศ
ทั้งนี้ มองว่าการเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนรายย่อยชะลอการลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่เชื่อว่าจะกระทบนักลงทุนรายใหญ่ไม่มาก เนื่องจากส่วนมากแบ่งเงินลงทุนเป็นหลายก้อน และไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเงินกลับประเทศบ่อย
เปิดตัวบริการซื้อขายหุ้นไทยในแอปฯ Dime!
นอกจากนี้ KKP Dime เปิดตัวบริการซื้อขายหุ้นไทยพร้อมระบบสมาชิกรายเดือน ให้นักลงทุนสามารถลงทุนทั้งหุ้นนอกและหุ้นไทย เพิ่มโอกาสการลงทุนแบบไร้รอยต่อ โดยประเมินว่าในปี 2567 จะมีจำนวนนักลงทุนที่ระดับ 1 แสนคน ใช้บริการซื้อขายหุ้นไทยผ่านแอปพลิเคชัน Dime! และมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการ (AUM) ราว 2-3 พันล้านบาท ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนรวมทั้งหมดภายใต้การจัดการของ KKP Dime แตะ 10,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน แอปพลิเคชัน Dime! ประสบความสำเร็จในกลุ่มนักลงทุน Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวคิด ทัศนคติ และรูปแบบชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดของ Dime! โดยเมื่อรวมกับลูกค้ากลุ่ม Gen Y จะมีสัดส่วนสูงถึง 86% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด โดยบริษัทพร้อมจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองชิ้นสำคัญสำหรับผลักดันเรื่องการเงินการลงทุนให้เป็นที่เข้าถึงง่ายสำหรับคนไทย ตลอดจนนักลงทุนในยุคใหม่
ขณะเดียวกัน บริษัทมีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชัน Dime! อย่างต่อเนื่อง และมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้อย่างครอบคลุม โดยมีแผนเพิ่มฟีเจอร์ให้บริการซื้อขาย Spot ทองคำ คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 1/67 และอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการซื้อขาย ทองคำ 96.5% ซึ่งจะต้องเข้าไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)