หุ้นไทยปรับตัวลงแรง ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง หุ้นพลังงานร่วงถ่วงตลาด หลัง ครม.เห็นชอบให้ปรับลดค่าไฟฟ้าลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมทั้งธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น ที่จะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองบรรยากาศการลงทุนค่อนไปในทางลบหลัง Bond Yield สหรัฐฯยังขยับสูงขึ้น กังวล FED ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯยังแกร่ง ปัจจัยสำคัญที่ตลาดจับตาสัปดาห์นี้คือการประชุม FED ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% แต่ที่ต้องติดตามคือมุมมองต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะถัดไปว่าชะลอตัวลงได้ตามที่ FED คาดหวังหรือไม่
ส่วนปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ใหม่ โดยเฉพาะความชัดเจนของแหล่งเงินในการนำมากระตุ้นเศรษฐกิจและการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ขณะที่มองแนวโน้ม GDP คาดว่าจะทยอยเร่งขึ้นใน 4Q23-2024 ทำให้ยังคงชอบหุ้นกลุ่ม Domestic Play คือ ค้าปลีก อาหารเครื่องดื่ม ธนาคาร การแพทย์ ส่วนระยะสั้นหุ้นที่คาด มีกำไร 3Q23 เติบโตดีทั้ง q-q และ y-y จะเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาด
ด้าน บล.เอเซียพลัส ให้ความเห็นว่า นายกฯ ยืนยันไม่เก็บภาษีหุ้นไทย หนุนสภาพคล่องดันไทยดีขึ้นโดยหุ้นไทยถูกต่างชาติขายสุทธิ ปีนี้ 1.47 แสนล้านบาท (ytd) หลังปี 2022 ที่ซื้อสุทธิสูงถึง 2.02 แสนล้านบาทและต่างชาติส่วนหนึ่งใช้ระบบ Algo Trade ในการซื้อขายหุ้นไทยเป็นหลัก ล่าสุดเดือน ก.ค. มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยทั้งหมดมาจากระบบ Algo Trade ถึง 35% หากไม่มีการเก็บภาษีหุ้นในช่วง 4 ปีต่อจากนี้ ตามที่นายกฯเศรษฐากล่าว น่าจะหนุนให้ Fund Flow ทยอยไหลเข้าในช่วงถัดไปรวมถึงมูลค่าซื้อขายหรือสภาพคล่องตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้
ขณะที่นโยบายเดินหน้ากระตุ้นเที่ยวไทย มองเป็นบวกต่อ AOT, ERW โดยมุมมองเอเซียพลัสที่คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย รายไตรมาสไต่ระดับ QoQ ตั้งแต่ 3Q66-067 หลังผ่าน Low season ในงวด 2Q นอกจากมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวยังมีปัจจัยเสริมจาก Golden week ช่วง ต.ค.66 และตรุษจีน ในช่วง ก.พ.67 รวมทั้งการกลับมาของนักท่องเที่ยวยุโรปหลังเข้าสู่ High season ของท่องเที่ยวไทย!!
อินเด็กซ์ 51