นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยจากวันที่ 1 ถึงวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา มีการขายหุ้นไทยไปแล้ว-11,653.21 บาท ทั้งนี้สะท้อนมุมมองที่กังวลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย โดย บล.กรุงศรี มองว่า ต่างชาติ จับตานโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาทจะใช้เงินจากส่วนไหน และผลักดันเงินเฟ้อของประเทศไทยให้เพิ่มขึ้นหรือไม่
นายเอกราช ศรีศุภวิชากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส และผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจดิจิทัลและออนไลน์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด(มหาชน) เปิดเผยกับ #ThairathMoney ว่า นักลงทุนต่างชาติยังชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยออกไป เพราะไม่แน่ใจในนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะในการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะปัจจุบันข้อมูลยังไม่ชัดเจนมากนัก
“เงินทุนต่างชาติยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอยู่ ปัจจัยที่เขาจับตาคือ เงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้นจะนำเงินส่วนไหน และจะส่งผลกระทบกับเงินเฟ้อในอนาคตจะเพิ่มขึ้นหรือไม่”
โดยปัจจัยดังกล่าวสะท้อนจากภาพของเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผลตอบแทนดอกเบี้ยในต่างประเทศยังอยู่ในระดับที่สูง ทำให้เงินในส่วนนี้เลือกที่จะลงทุนในตลาดอื่นมากกว่า ทำให้ในความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นไทย เป็นกลุ่มนักลงทุนรายบุคคล และนักลงทุนสถาบันเทรดกัน 2 กลุ่ม เท่านั้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายในปัจจุบันค่อนข้างเบาบาง
ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และน่าจะฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4 รวมถึงต้นปีหน้า โดยปัจจัยสำคัญจะมีจากการฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเริ่มเห็นผลในต้นปีหน้า
โดยนักลงทุนสามารถใช้จังหวะนี้ในการปรับพอร์ตการลงทุนได้ โดยมองกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนนั้น จะเป็นกลุ่มหุ้นเครื่องดื่ม ทั้ง CBG, SAPPE, OSP รวมถึงหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ ทั้ง AMATA , WHA