วิกรม อมตะ เชื่อมือ ‘เศรษฐา’ พาเศรษฐกิจไทยรอด แนะศึกษานโยบายจีน นำข้อดีมาใช้

วิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA กล่าวว่า สำหรับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ที่มุ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ประชาชนควรให้โอกาสการทำงานของรัฐบาล นำโดย เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นอดีตนักธุรกิจและผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน เชื่อว่ามีฝีมือในการบริหาร

ขณะเดียวกัน ให้รอดูผลงานจากรัฐบาลอย่างน้อย 1 ปี จากเชื่อมั่นว่าการมุ่งเน้นนโยบายด้านเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน จะสามารถขับเคลื่อนประเทศไทยต่อไปอย่างเข้มแข็งและมั่นคงได้

สำหรับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น มองว่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาระยะสั้นได้ และจะช่วยให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่จะต้องคำนึงถึงแหล่งที่มาของเงินเพื่อไม่ให้เป็นภาระหนี้ของประเทศ จากนโยบายดังกล่าวต้องใช้เม็ดเงินรวมสูงถึง 500,000 ล้านบาท

ส่วนนโยบายการเพิ่มค่าแรง มองว่าเป็นสิ่งจำเป็นและควรทำทุกปี แต่จะต้องมีการประเมินการปรับขึ้นให้เหมาะสมและมีเหตุผล โดยคำนึงถึงเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย ค่าพลังงาน และค่าครองชีพ เพื่อให้มีการปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ

ขณะที่นโยบายการลดค่าไฟฟ้านั้น มองว่าจะต้องศึกษาความสมเหตุสมผล และเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยเฉพาะภาคการผลิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลควรศึกษาตัวอย่างนโยบายจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการบริหารเศรษฐกิจแล้ว เช่น จีน ดูไบ และสิงคโปร์ เพื่อหาแนวทางว่าเขาทำอย่างไร และประเทศไทยจะนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องรักษาเสถียรภาพทางการเมืองให้ได้ และอย่าให้เกิดเหตุการณ์ประท้วง หรือความรุนแรง

“ประเทศจีนก็เน้นเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้จากเป็นประเทศที่จนที่สุดในโลกกลายมาเป็นประเทศที่มีเงินทุนสำรองเยอะที่สุดในโลก ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เขาโตเฉลี่ย 9% ต่อปี รัฐบาลควรไปดูประเทศที่ประสบความสำเร็จแล้ว ไปดูว่าเขาทำอะไรอย่างไร เอามาดูว่าไทยทำอะไรได้บ้าง” วิกรม กล่าว

ยอดขายที่ดินทะลุ 700 ไร่ ดันผลงาน AMATA ครึ่งปีหลังโต

วิกรม กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก จากยอดขายที่ดินครึ่งปีหลังมีโอกาสมากกว่า 700 ไร่ จากเม็ดเงินที่จะทยอยเข้ามาลงทุนหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ฟื้น พร้อมกับการดำเนินมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ที่มีการพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม ทำให้เม็ดเงินสะพัดในระบบทั่วโลก ประกอบกับประเทศเวียดนามมีปัญหาเรื่องการจ่ายไฟฟ้าเข้าโรงงานทางตอนเหนือ ทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนย้ายฐานการผลิต

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้ามาในไทยมากที่สุดยังเป็นจีน โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ จากประเทศไทยมีความโดดเด่น ด้านโรงงานผลิตอะไหล่ที่มีจำนวนมาก เป็นเป้าหมายของฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกของผู้ประกอบการจีน

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนนำโครงการเก่าๆ ที่เคยประกาศออกไปแล้ว นำกลับมาทำให้สำเร็จ และมุ่งเน้นสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อทำให้เกิดเป็นนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค พร้อมทั้งมุ่งเน้นการลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหาร และเพิ่มคุณภาพการทำงานให้มากขึ้น