ส่องอนาคต JMT เรือธง “กลุ่มเจมาร์ท” หลัง Q2 ทำกำไรนิวไฮ โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” ครึ่งปีหลังโตได้อีก

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ส่องอนาคต JMT เรือธง “กลุ่มเจมาร์ท” หลัง Q2 ทำกำไรนิวไฮ โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” ครึ่งปีหลังโตได้อีก

Date Time: 10 ก.ย. 2566 01:00 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • หุ้น JMT บริษัทย่อยที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรือธงของ “กลุ่มเจมาร์ท” หลังกำไรไตรมาส 2/66 ทำสถิติสูงสุดใหม่ สวนทางบริษัทในกลุ่ม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง

Latest


นักลงทุนต่างให้ความสนใจ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT บริษัทย่อยที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรือธงของกลุ่ม บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เนื่องจากเป็นบริษัทเดียวที่สามารถประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 ออกมาดี และสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง สวนทางบริษัทในกลุ่มซึ่งถูกกดดันจากประเด็น “หนี้เสีย” อย่าง SINGER และ SGC


ทั้งนี้ JMT ประกอบธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริษัทให้บริการแก่ผู้ว่าจ้างที่เป็นสถาบันการเงินและผู้ประกอบการต่างๆ 2) ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และ 3) ธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์


สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/66 นั้น บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 551.0 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวของปีที่ผ่านมา 27.2% ซึ่งถือเป็นกำไรสุทธิรายไตรมาสที่สูงสุด โดยสำหรับรอบ 6 เดือนปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,004 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพรวม 4,126 ล้านบาท เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพของประเทศในด้านหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/66 ออกมาดีใกล้เคียงที่ตลาดคาด และในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทลงทุนไปแล้ว 4.1 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท


ขณะเดียวกัน ประเมินกำไรปีนี้ที่ 2.1 พันล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อน ตาม Cash Collection และการซื้อหนี้ที่เพิ่มขึ้น หลังสถาบันการเงินเตรียมขายหนี้มากขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ รวมถึงปีนี้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด หรือ JK AMC ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังเริ่มดำเนินการเต็มที่ และพอร์ตหนี้ใหญ่ระดับแสนล้านบาทแล้ว โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น JMT ที่ราคาเป้าหมาย 56.00 บาท


ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในไปในทิศทางเดียวกันว่า คาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 592 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 7% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยการเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากหนี้ที่ได้ซื้อมาก่อนหน้านี้


ทั้งนี้ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้น 8% มาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากประมาณการส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC เพิ่มขึ้น 105% มาอยู่ที่ 563 ล้านบาท ซึ่งบันทึกการจัดเก็บเงินสดของบริษัทร่วมในปัจจุบันนั้นสูงกว่าที่เราคาดก่อนหน้า เรายังปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 8% มาอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% จากปี 2566


อย่างไรก็ดี การจัดเก็บเงินสดในไตรมาส 2/66 น่าฟื้นตัวต่อเนื่องไปในครึ่งหลังของปี 2566 และปัจจุบันคาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของกำไรปี 2566-2568 ที่ 23% ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2566 ที่ 46.00 บาท


ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากข้อมูลในอดีตชี้ให้เห็นว่าที่ผ่านมา JMT มักมีกําไรในช่วงครึ่งปีหลังที่ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่มีปัจจัยเข้ามาสนับสนุน ได้แก่ พอร์ตลูกหนี้ที่ซื้อมาเพิ่ม 6 หมื่นล้านบาท ในงวดไตรมาส 2/66 น่าจะเริ่มจัดเก็นหนี้และรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป และพอร์ตลูกหนี้ที่ยังจะเพิ่มขึ้นอีกในครึ่งปีหลัง จากนโยบายของบริษัทที่จะซื้อหนี้เข้ามาเพิ่มอีก จากเดิมในช่วงครึ่งปีแรก ที่คาดจะมีพอร์ตลูกหนี้ราว 4.4 แสนล้านบาท รวมพอร์ตของ JK AMC


ทั้งนี้ เชื่อว่าราคาหุ้น JMT จะ “Outperform” ตลาดได้จาก 1) ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากกําไรในงวดไตรมาส 2/66 ที่เติบโตดีขึ้น 2) ช่วงครึ่งปีหลังกําไรยังดูมีแนวโน้มสดใส โดยคาดจะเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่อง และ 3) ราคาหุ้น JMT สะท้อนความกังวลต่างๆ ไปมากแล้ว โดยปรับฐานไปแล้วนับตั้งแต่ต้นปี 2566


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ