ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวลดลง 0.05 บาท หรือลดลงจากวันก่อนหน้า 4.46% มาอยู่ที่ 1.07 บาท รับข่าวบัญชีมาร์จิ้นของผู้บริหารถูกฟอร์ซเซลล์ หรือบังคับขาย เนื่องจาก ราคาหุ้นตกแรงกว่า 50% ใน 2 วัน พร้อมความกังวลที่บริษัทอาจผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ชุด JKN239A มูลค่าราว 609 ล้านบาท
ขณะที่เมื่อวานนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารของ JKN ได้ทำรายการขายหุ้นและรับโอนหุ้นหลายรายการ โดยมีกระแสข่าวว่า รายการขายหุ้นนั้น มาจากบัญชี มาร์จิ้นถูกบังคับขาย
ด้าน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ได้ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า แม้บัญชีมาร์จิ้นถูกบังคับขาย แต่รับโอนเพิ่มกว่า 77 ล้านหุ้น ทำให้ปัจจุบันถือหุ้น JKN ทั้งหมดเพิ่มเป็น 392,287,682 หุ้น คิดเป็น 38% ของจํานวนหุ้นทั้งหมด และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด อันดับ 1 เหมือนเดิม
นอกจากนี้ ยังประกาศว่าบริษัทมีแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว โดยได้ปรึกษาที่ปรึกษากฎหมาย และบริษัทผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย และจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A ในวันที่ 27 กันยายนนี้ เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้
อย่างไรก็ตาม อยากขอให้ผู้ถือหุ้นกู้และนักลงทุนอย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ และขอให้เช็กข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงาน ก.ล.ต. หรือติดต่อที่บริษัท เพื่อสอบถามได้ตลอดเวลา โดยตนและผู้บริหารเจตนาที่จะดูแลเงินลงทุนและผลประโยชน์ของผู้ ถือหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างจริงใจ
ด้าน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ระยะสั้นแนะนำ “หลีกเลี่ยงการลงทุน” ออกไปก่อน และปรับคำแนะนำเป็น “Under Review” จนกว่าบริษัทจะมีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนออกมา ซึ่งประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าว มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และแผนในการออกหุ้นกู้ในอนาคตเพื่อรีไฟแนนซ์จะทำได้ลำบากขึ้น
ส่วนผลประกอบการมองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีจะดีกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการลิขสิทธิ์ขององค์กรนางงามจักรวาล (MUO) ประเทศเอลซัลวาดอร์ ราว 566 ล้านบาท ซึ่งมีการรับรู้รายได้ทั้งจากการจัดงานประกวดรายได้จากค่าลิขสิทธิ์รายได้จากค่าตั๋วเข้างาน ขณะที่ธุรกิจ Commerce มีแผนขยายสินค้าในตลาดใหม่ๆ มากขึ้น และปรับกลยุทธ์เน้นขายสินค้า House Brand มากขึ้น ช่วยให้อัตรากำไรดีขึ้นซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินมีแนวโน้มดีขึ้น