สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดทุน 3 เดือนข้างหน้า ได้ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอีกครั้ง โดยความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทยมากที่สุด นักลงทุนต่างจับตานโยบายและมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ที่จะออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมสนับสนุนตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย มีแนวทางมุ่งส่งเสริมการออมเงินระยะยาว เพื่อการเกษียณอายุ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ โดยคาดว่าจะนำข้อเสนอต่างๆ ให้รัฐบาลร่วมพิจารณา เพื่อสนับสนุนให้ตลาดทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเพื่อเข้าหารือกับรัฐบาลชุดใหม่ ในเรื่องกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออม หรือ SSF ที่กำลังจะหมดอายุ เพื่อทบทวนและปรับเปลี่ยนรูปแบบให้น่าสนใจ และประสิทธิภาพมากขึ้น จากปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยม โดยมองว่าจะเป็นตัวช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนอย่างแท้จริงในอนาคต
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าการประสานงานระหว่างคณะรัฐมนตรีโดยการนำของ เพื่อไทย จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่าจะสามารถออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้มากขึ้น โดยมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้
1. กระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยมองว่าจะใช้เงินงบประมาณน้อยแต่ได้ผลมาก เช่น การจัดสรรงบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
2. กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน จากออกมาตรการเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศให้เพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
3. ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว โดยมีการจัดการเรื่องการค้ำประกันให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ หลังได้รับผลกระทบในช่วงโควิด-19 ให้สามารถตอบรับกับภาคการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวได้ดี
4. เร่งรัดโครงการลงทุนที่ได้อนุมัติไปแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินมีการหมุนเวียนมากขึ้น
5. ปลดล็อกกฎเกณฑ์และจัดทีมประสานงาน เพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น จากปัจจุบันมีขั้นตอนซับซ้อนและไม่เอื้อต่อการลงทุน
อย่างไรก็ดี คาดหวังว่าข้อเสนอต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้ประเทศไทยมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี จากการใช้งบประมาณที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และส่งผลให้ตลาดทุนไทยมี Sentiment ที่ดีขึ้นด้วย
กอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นกู้ หลังเกิดเหตุการณ์ใน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK โดยจะเร่งนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางการออกมาตรการและเกณฑ์ในการกำกับดูแลให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อปิดช่องโหว่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก ซึ่งหากมีความชัดเจนจะมีการแถลงความคืบหน้าในระยะถัดไป