ตลท.เผย บจ.mai ย้ายเทรด SET 5 ปี มาร์เก็ตแคปทะลุ 5 แสนล้าน สะท้อนธุรกิจเล็กโตแกร่ง

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลท.เผย บจ.mai ย้ายเทรด SET 5 ปี มาร์เก็ตแคปทะลุ 5 แสนล้าน สะท้อนธุรกิจเล็กโตแกร่ง

Date Time: 5 ก.ย. 2566 06:55 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • - ตลท.เผย บจ.ไทย เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะ mai ที่สามารถเข้าซื้อขายใน SET มูลค่าตลาดแตะ 5 แสนล้านใน 5 ปี
  • - บจ.ไทย ดึงรายได้จากต่างประเทศแตะ 4.38 ล้านล้านบาท เผยกำไรต่อหุ้น (ESP) ตลาดหุ้นไทยฟื้นสูงกว่าระดับช่วงก่อนโควิด

Latest


ตลาดทุนไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มุ่งส่งเสริมความยั่งยืนและการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการภาคเอกชนและนักลงทุน ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน การเพิ่มความหลากหลายในการลงทุน และการมุ่งยึดหลักความยั่งยืน


ท่ามกลางความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก บริษัทจดทะเบียนไทยสามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง และเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลาง-เล็ก หรือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ สะท้อนจากการสามารถเข้าไปจดทะเบียนในกระดาน SET ได้ต่อเนื่อง


ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง จากปี 2556 มีมูลค่าตลาด SET รวม 12.5 ล้านล้านบาท ส่วน mai อยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันในปี 2566 มูลค่าตลาด SET เติบโตขึ้นมา 19.1 ล้านล้านบาท ส่วน mai อยู่ที่ 4.9 แสนล้านบาท


ทั้งนี้ มองว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มีความน่าสนใจมาก แม้ขนาดมูลค่าตลาดปัจจุบันจะอยู่ใกล้เคียงกับเมื่อ 5 ปีก่อน ที่ระดับราว 5 แสนล้านบาท หลายคนมักบอกว่าตลาด mai ไม่ได้โตขึ้นเลย แต่หากไปดูข้อมูลจริงๆ จะพบว่า หุ้นที่เคยอยู่ในตลาด mai ย้ายมาเทรดอยู่ในตลาด SET คิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 5-6 แสนล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นมีการเติบโตต่อเนื่อง


นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนไทย ได้ขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ และมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลในปี 2564 ระบุว่า มีบริษัทจดทะเบียนกว่า 317 บริษัท ได้เปิดเผยรายได้จากต่างประเทศโดยรวมสูงถึง 4.38 ล้านล้านบาท หรือมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 32% จากปี 2559 ที่อยู่ราว 23%


อย่างไรก็ดี กำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน อยู่ที่เฉลี่ย 91.94 บาทต่อหุ้น (ณ เดือน ม.ค. 66) ปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจในตลาดหุ้นไทย


ภากร กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งส่งเสริมความยั่งยืนและการพัฒนาตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับตัวรองรับ Digital Disruption ที่เกิดขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม และให้การสนับสนุนการเข้าถึงตลาดทุนของผู้ประกอบการขนาดกลาง-เล็ก และธุรกิจสตาร์ทอัพ ผ่าน LiVE Platform อย่างต่อเนื่อง


ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเปิดรับโอกาสใหม่ในแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านกระดาน TDX (Thai Digital Assets Exchange) เพื่อเพิ่มโอกาสและความหลากหลายในการระดมทุนและการลงทุนผ่านโทเคนดิจิทัล โดยพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร และเป็นศูนย์กลางหรือเครือข่ายสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยน และเป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem ที่น่าเชื่อถือ และพร้อมเชื่อมโยงการลงทุน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาให้ตลาดทุนไทยได้ปรับโฉมเปิดโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในสินทรัพย์หลักและสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์