10 หุ้น SET100 ราคาสุดร้อนแรงรอบ 1 เดือน  BYD ยืนหนึ่งพุ่ง 44%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

10 หุ้น SET100 ราคาสุดร้อนแรงรอบ 1 เดือน BYD ยืนหนึ่งพุ่ง 44%

Date Time: 2 ก.ย. 2566 22:00 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่ม SET 100 ในช่วงวันที่ 1-30 เดือน ส.ค. 2566 โดยพบหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่

 

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ราคาอยู่ที่ 9.45 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 44.27%

บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ราคาอยู่ที่ 24.00 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 41.18%

บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ราคาอยู่ที่ 14.10 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 30.56%

บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน)หรือ HANA ราคาอยู่ที่ 63.25 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 24.63%   

บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน)หรือ JMT. ราคาอยู่ที่  47.75 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 23.23%

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ERW. ราคาอยู่ที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 20.25%

บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน)หรือ BH ราคาอยู่ที่ 257.00 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน  18.98%

บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)หรือ KCE ราคาอยู่ที่  51.25 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 18.50%

บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน)หรือ DOHOME ราคาอยู่ที่ 11.40 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 18.13%

บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน)หรือ TQM ราคาอยู่ที่ 31.25 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 17.92%

 

JMART ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ประเมินว่า JMART รายงานขาดทุนสุทธิในงวดไตรมาส 2 ของปีนี้ที่ 611 ล้านบาท แย่กว่า 1966 ที่ จากทุนสุทธิ 295 ล้านบาท จากช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีก่อน ที่มีกําไรสุทธิ 394 ล้านบาท เพราะถูก ฉุดโดย จากรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้ามือถือ และต้องรับรู้ส่วนแบ่ง ผลขาดทุนจาก SINGER ที่ขาดทุนหนักจากการตัดหนี้สูญและตั้งสำรองเพิ่ม

ทั้งนี้บริษัทประเมินว่า ผลการดำเนินงานของครึ่งปีแรกที่ขาดทุนอยู่ 906 ล้านบาท เทียบกับคาดการณ์กำไรทั้งปี 644 ล้านบาท เราต้องปรับลดประมาณการปี 2566 เป็นจากทุน 250 ล้านบาท แต่ปรับ เพิ่มปี 2567 เป็น 1.75 พันล้านบาทตามลำดับ ส่งผลให้ราคาเป้าหมายปี 2566 ลด จาก 26 บาท เหลือ 24 บาท แต่ปรับคำแนะนำจาก Neutral เป็น Outperform เพราะ 1) เชื่อว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในงวด 2Q66, และ 2) ช่วง 2H66 ดูสดใสขึ้นจาก ธุรกิจจำหน่ายมือถือ และธุรกิจติดตามหนี้ รวมทั้ง SINGER ที่คาดจะทยอยฟื้นตัว

 

ปรับประมาณการ สะท้อนการนดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกที่อ่อนแอ

แม้เชื่อว่าการดำเนินงานของ JMART ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสที่ 2 แต่เนื่องจาก การดำเนินงานโดยรวมช่วงครึ่งปีแรก ที่ออกมาอ่อนแอ โดยมีขาดทุนสุทธิรวม 906 ล้านบาท เมื่อเทียบกับคาดการณ์กำไรทั้งปีของเราที่ 644 ล้านบาท ทำให้เราต้อง ปรับคาดการณ์กำไรปี 2566 ของ JMART ลงจากเดิมเป็นขาดทุนสุทธิ 250 ล้านบาท แต่ปรับเพิ่มกําไรสุทธิสำหรับปี 2567 จากเดิม 23% เป็น 1.75 พันล้านบาท

เพราะคาดกลุ่ม SINGER จะฟื้นตัวเร็วกว่าคาดการณ์เดิม หลังกระทบหนักจาก การตัดหนี้สูญและการตั้งสำรองเป็นจำนวนสูงไปแล้วในไตรมาสที่ 2 ทำให้ราคา เป้าหมายที่ประเมินด้วยวิธี Sum of the Part ที่คิดส่วนลดจาก NAV 30%) ทำให้ ราคาเป้าหมายปี 2566 ลดจาก 26.00 บาท เหลือ 24.00 บาท (อิงราคาเป้าหมาย จอง JMT ของเราที่ 46.00 บาท และ SINGER ที่ 7.50 บาท ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยจาก IAA consensus) โดยราคาเป้าหมายใหม่ยังมี upside 33% จากราคาตลาด

 

น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ปรับคำแนะนําเป็น Outperform

เราปรับคำแนะนำสำหรับ JMART จาก “Neutral” ขึ้นเป็น “Outperform” เพราะ 1) เชื่อว่าผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 2, 2) แนวโน้มที่ดูสดใส ขึ้นในครึ่งปีหลัง จากรายได้ที่จะโตขึ้นในทุกๆธุรกิจ คือ การจัดจำหน่ายมือถือ (ธุรกิจ หลัก) การติดตามหนี้ (ธุรกิจรอง) และพื้นที่ให้เช่า (ธุรกิจรอง) รวมทั้งส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จาก บ.ร่วม ที่คาดจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ ไตรมาสที่ 3  เป็นต้นไปตามการฟื้นตัวของ กลุ่ม SINGER และ BNN (สุกี้ตี๋น้อย) ที่จะมีกำไรโตขึ้นตามการขยายสาขาเพิ่ม และ 3) ความเสี่ยงจากผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุน (Unrealized loss) ใน BRR และ SGC น่าจะต่ำกว่าในไตรมาสที่ 1 และ ไตรมาสที่ 2 หลังจากที่ราคาหุ้นปรับลงมาแล้ว

 

NEX เด่นสุดในกลุ่ม EV

บล.บัวหลวง ประเมินว่า กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้ายังมีทิศทางที่น่าสนใจลงทุน โดยเฉพาะในหุ้นของ NEX โดย มองว่า NEX จะโตเด่นสุดเช่นเคย จากการส่งมอบรถต่อเนื่อง และอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากต้นทุนที่ลดลงทั้งค่าขนส่งและแบตเตอรี่ที่ถูกลง รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน แนวโน้มไตรมาสที่ 3 จะดีต่อเนื่องจากการส่งมอบรถบัส 1.6 พันคันในไทย และเริ่มส่งออกไปที่เวียดนาม และอินโดนีเซีย

 

 

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ