ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 ส.ค.66 ปิดที่ 1,568.81 จุด เพิ่มขึ้น 5.84 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 55,507.12 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,453.57 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 73.25 บาท บวก 1.25 บาท, ADVANC ปิด 214 บาท ลบ 5 บาท, PTT ปิด 35.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, IVL ปิด 28.50 บาท ลบ 0.75 บาท, KBANK ปิด 132.50 บาท ลบ 0.50 บาท
“ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ประเมินว่า แม้จะเห็นการตั้งรัฐบาลที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แต่ “Fund Flow” จะยังไม่ไหลกลับเข้ามาแบบทันที เพราะยังมี 2 ปัจจัยลบกดดันอยู่ คือ เงินบาทอ่อนค่าสวนทางเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเศรษฐกิจไทยยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ จากส่งออกที่ติดลบ 10 เดือนต่อเนื่อง นอกจากนี้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังต่ำกว่าที่ภาครัฐคาดการณ์อีกด้วย
ประเมิน “Fund Flow” จะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยปีนี้ แต่ต้องรอช่วงไตรมาส 4/66 เพราะเป็นช่วงที่อาจได้เห็นมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ขณะที่ต้องจับตาจุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือ การฟื้นตัวของการส่งออก หากพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้
“ยอมรับว่า ปีนี้ต่างชาติคงไม่สามารถพลิกกลับมามีสถานะเป็น “ซื้อสุทธิ” ได้ เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี “ขายสุทธิ” มากกว่า 1.3 แสนล้านบาท แม้จะมีเม็ดเงินไหลกลับมาช่วงปลายปี แต่คงไม่สามารถเติมมูลค่าที่ขายไปก่อนหน้านี้ได้ ต้องไปลุ้นช่วงปี 67 ว่ารัฐบาลใหม่จะมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติได้ต่อเนื่องหรือไม่
ด้าน “เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ มีแนวโน้มไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะทยอยเห็นการไหลเข้าช่วงปลายปี หลังนักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจกับสถานการณ์การเมืองในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ “Fund Flow” เทขายหุ้นไทยไปก่อนหน้านี้
หาก “Fund Flow” ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยรอบนี้ ประเมินว่า หุ้นที่อยู่ในการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ที่เป็นหุ้น Domestic จะเป็นเป้าหมายหลักของการเข้าซื้อ เพราะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วงที่เหลือปีนี้
แนะกลยุทธ์ทยอยสะสมหุ้น Domestic ขนาดใหญ่ นำโดย CRC, JMART, SCGP และ GFPT!!
อินเด็กซ์51