บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงทั้ง 3 ราย เพื่อดำรงตำแหน่งสำคัญของบริษัท โดยประกาศแต่งตั้ง สุรชัย นิ่มละออ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยมีผลในวันที่ 1 กันยายน 2566 เป็นต้นไป
และประกาศแต่งตั้ง ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิเมนต์ไทยโฮลดิ้ง จำกัด วิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล สุรชัย นิ่มละออ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน และ ปรเมศวร์ นิสากรเสน เป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นการทดแทนผู้บริหารระดับสูง 4 คน เกษียณอายุตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ดังนี้ 1. รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส 2. ยุทธนา เจียมตระการ 3. อารีย์ ชวลิตชีวินกุล 4. นิธิ ภัทรโชค
SCGC เลื่อนแผนเข้าเทรด
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จํากัด (มหาชน) ได้เปิดเผยสารสนเทศ เรื่อง ความคืบหน้าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จํากัด (มหาชน) (“SCGC”) เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2566 ไปแล้วนั้น
บริษัทฯ ขอแจ้งความคืบหน้าให้ทราบว่า ตามที่ SCGC ได้รับอนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สํานักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2566 ให้ขยายระยะเวลาการอนุญาตให้เสนอขายหุ้น IPO ออกไปถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2566 และไม่สามารถขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปได้อีก ซึ่งเป็นไปตามที่ประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนที่เกี่ยวข้องกําหนด ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการเสนอขายหุ้น IPO และนำหุ้นของ SCGC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ความพร้อมของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่จะรองรับ IPO ขนาดใหญ่จากบริษัทไทยในขณะนี้ รวมถึงสถานการณ์ภายนอก เช่น ด้านเศรษฐกิจและวิกฤติราคาพลังงาน เป็นต้น บริษัทฯ เห็นว่ายังไม่สามารถที่จะดําเนินการ IPO ในช่วงเวลานี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของ SCGC ในฐานะผู้นําธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน และความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายธุรกิจและการเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบธุรกิจปิโตรเคมีชั้นนําระดับโลก
บริษัทฯ มีความตั้งใจจะดําเนินการ IPO ของ SCGC อีกครั้งเมื่อสถานการณ์เอื้ออํานวย รวมถึงการยื่นคําขออนุญาตการเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสํานักงาน ก.ล.ต. ใหม่อีกครั้ง โดยจะรายงานความคืบหน้าที่สําคัญเกี่ยวกับการดําเนินการดังกล่าว ให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายทราบต่อไป.