บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ประเมินว่า สัปดาห์นี้คาดได้ตัวนายกรัฐมนตรี หวังเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังประธานสภาประชุม 3 วิปเสร็จสิ้น โดยมีรายละเอียด คือ วันโหวตนายกฯ 22 ส.ค. นี้ ให้ สส.-สว.อภิปราย 5 ชั่วโมง (สส. 3 ชม. / สว. 2 ชม.) ก่อนลงมติ 15.00 น. และชี้แจงว่า ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ ดังที่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้
ขณะที่ทางฝั่งพรรคเพื่อไทยเตรียมแถลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐและพรรค ร่วมอื่นๆ อีก 3 พรรค (วันนี้เวลา 13.00 น.) ทำให้เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลล่าสุดคาด อยู่ที่ 317 เสียง ซึ่งต้องหาเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกอีก 58 เสียง จึงจะสามารถ จัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ โดยท่าทีของ สว. ล่าสุดมีโอกาสสูงที่ทำให้การโหวต นายกรอบที่ 3 มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น (>375 เสียง) ซึ่งกระบวนการหลังจากนั้น คือ แต่งตั้ง ครม. ชุดใหม่ช่วงปลายเดือน ส.ค. 66
ประเด็นดังกล่าว หากเป็นผลสำเร็จจริง ก็จะช่วยลดความกังวลเรื่องสุญญากาศทาง การเมืองและงบประมาณประจำปี 2567 ไปได้ระดับหนึ่ง และ น่าจะทำให้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตอบสนองเชิงบวกได้ ส่วนประเด็นการเก็งกำไร ก็อาจเกิดขึ้นกับหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ จากแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ (นโยบายหลักๆ ของพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ เติมเงินกระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท, ค่าแรง 600 บาท / เงินเดือน ป.ตรี 25,000 บาท, รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, เปิดศูนย์ฟอกไตเทียมทุกอำเภอ, พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น-หยุดดอก, บัตรประชารัฐ, บัตรสวัสดิการพลัส, คนละครึ่งภาค 2 เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นที่เคยร่วงแรงจากความกังวลเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ก่อนหน้านี้ที่มีโอกาสดีดตัวขึ้นมาได้ แนะนำหุ้นเด่น 5 กลุ่ม คือ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ประเมินว่า ปัจจัยที่ต้องจับตาในวันพรุ่งนี้ คือ การเปิดสภาฯ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 มีความเป็นไปได้ที่จะโหวตผ่านในครั้งเดียวหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยประกาศจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคพลังประชาชารัฐส่งสัญญาณพร้อมลงคะแนนให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ส่งผลให้มีคะแนนเสียงรวม 314 เสียง เหลือเพียง 61 คะแนนเท่านั้น หากโหวตผ่านเรามีมุมมองเป็นบวกหนุน Sentiment การลงทุนในหุ้นอิงการลงทุนในประเทศ ทั้ง ค้าปลีก, นิคม, รับเหมาฯ และหุ้นการเมือง