รวม 5 กองทรัสต์ในตลาดหุ้นไทย จ่ายผลตอบแทนสูงสุด พบให้ปันผลกว่า 14.34%

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust) หรือ REIT เป็นเครื่องมือทางการเงิน ที่ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สามารถนำมาใช้จัดโครงสร้างระดมทุน ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่

ทั้งนี้ REIT จัดตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนจากผู้ลงทุนทั่วไปเพื่อเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ โดยมีผู้จัดการกองทรัสต์ ที่ช่วยบริหารจัดการเพื่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด จากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนในสิทธิการเช่า เพื่อนำไปปล่อยเช่าให้มีรายได้ประจำ และนำมาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ลงทุน

อย่างไรก็ดี นักลงทุนสามารถซื้อขาย REIT ผ่านกระดานหุ้น ได้เสมือนหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้ #ThairathMoney ได้รวบรวมข้อมูลกองทรัสต์ 5 อันดับแรก ที่มีอัตราผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 2566 ณ วันที่ 15 ส.ค.66 สูงที่สุด โดยพบว่าให้ปันผลสูงถึง 11.13% ถึง 14.34%

เริ่มต้นด้วย อันดับที่ 1 ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซีอินดัสเตรียล หรือ MIT ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 14.34% โดยลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท เอพียูเค จำกัด (APUK) 100% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ซึ่ง APUK เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และอาคารประเภทคลังสินค้าที่ใช้ประโยชน์เป็นศูนย์ข้อมูล (Data Centre) รวมถึงส่วนควบและงานระบบต่างๆ โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวม 1,342 ตารางเมตร และทรัพย์สินตั้งอยู่ที่เขตชาร์ลตัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

อันดับที่ 2 กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ หรือ POPF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 13.40% โดยลงทุนในสิทธิการเช่า (leasehold) ที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้างพร้อมซื้ออุปกรณ์และงานระบบที่เกี่ยวเนื่องของอาคารยูบีซี 2 ลงทุนในกรรมสิทธิ์อาคารและสิ่งปลูกสร้างพร้อมงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง และรับโอนสิทธิการเช่าที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ และลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดิน อาคารสำนักงานจำนวน 4 อาคาร รวมพื้นที่จอดรถ และงานระบบภายในอาคารในโครงการบางนา ทาวเวอร์

อันดับที่ 3 กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท หรือ CPNCG ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 13.06% โดยลงทุนในสิทธิการเช่า (leasehold) ที่ดินพร้อมอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัล เวิลด์ (ยกเว้น พื้นที่บางส่วนของชั้น G และชั้น 3 และพื้นที่ชั้นใต้ดิน B1-B3) และสิทธิในการใช้บริการพื้นที่จอดรถจำนวน 1,271 คัน รวมทั้งการซื้อทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องบนสิทธิการเช่าดังกล่าว

อันดับที่ 4 กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ หรือ QHPF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 11.63% โดยลงทุน leasehold ในโครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี โครงการเวฟ เพลส และโครงการคิวเฮ้าส์ เพลินจิต

และสุดท้ายอันดับที่ 5 กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท หรือ CPTGF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 11.13% ลงทุนในสิทธิการเช่า (leasehold) ในที่ดินและอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า รวมถึงส่วนควบของที่ดินและอาคาร งานระบบที่จำเป็นต่อการใช้ประโยชน์ในอาคาร จำนวน 3 อาคาร โดยสิทธิการเช่ามีกำหนดระยะเวลา 30 ปี แต่วันจดทะเบียนการเช่าที่สำนักงานที่ดิน (ลงทุนวันที่ 4 ธ.ค.56) ได้แก่ 1) อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม) เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าสำหรับลูกค้าทั่วไปและบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ 2) อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูนทาวน์) เป็นอาคารเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน และอาคารศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ 3) อาคาร ซี.พี. ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าสำหรับลูกค้าทั่วไป

อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับข้างต้นนั้น พิจารณาเพียงอัตราเงินปันผล หรือผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี (ณ วันที่ 15 ส.ค.66) ที่อยู่ในระดับสูงสุดเท่านั้น โดยนักลงทุนควรคำนึงถึงข้อมูลต่างๆ และทำความเข้าใจกิจการนั้นก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย เช่น ประเภทสินทรัพย์ รูปแบบการถือครองสินทรัพย์ และความถูกความแพงของหน่วยลงทุน อายุของกองทรัสต์ หนี้สิน และความสามารถในการทำกำไร