สุกี้ตี๋น้อย จ่อเปิดร้านในลาว-กัมพูชา รับเลื่อนแผนเข้าตลาดหุ้นเป็นปี 68

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สุกี้ตี๋น้อย จ่อเปิดร้านในลาว-กัมพูชา รับเลื่อนแผนเข้าตลาดหุ้นเป็นปี 68

Date Time: 16 ส.ค. 2566 12:56 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • -JMART เผย สุกี้ตี๋น้อย เลื่อนแผนไอพีโอ จ่อยื่นไฟลิ่งปีหน้า เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ปี 68 จากเดิมคาดปี 67 อยู่ระหว่างศึกษาขยายสาขาไปลาว-กัมพูชา มีเงินสดพร้อมลงทุน 800-900 ล้านบาท
  • - JMART เชื่อผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว มั่นใจครึ่งปีหลังกลับมามีกำไร และอาจเห็น All Time High ปีหน้า หลังวิกฤติตั้งสำรอง SINGER-SGC ใกล้จบ

อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้นของบริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด หรือ “สุกี้ตี๋น้อย” ที่ระดับ 30% ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว จากแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการ พร้อมทั้งเชื่อว่า สุกี้ตี๋น้อย จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนผลประกอบการของกลุ่มเจมาร์ทในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ โดยคาดว่าตัวเลขยอดขายทั้งปีจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท


สุกี้ตี๋น้อย มีแผนการขยายสาขาเพิ่มเติมภายในปีนี้ราว 60 สาขา โดยมีพื้นที่รองรับการขยายสาขาแล้ว 55 สาขา โดยจะเน้นการขยายสาขาในกรุงเทพมหานครเป็นหลัก พร้อมทั้งมีแผนขยายสาขาไปต่างจังหวัดด้วย


นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยได้คุยกับพันธมิตรในกัมพูชา 1 ราย เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ การทำตลาด สถานที่ตั้ง และโมเดลธุรกิจ โดยคาดว่าจะสามารถมีความชัดเจนได้ภายในปี 67 พร้อมกับอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาไปยังจังหวัดอุดรธานีและอุบลราชธานี เพื่อโอกาสการขยายไปยังสปป.ลาว แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีการลงรายละเอียดมาก

ขณะเดียวกัน สุกี้ตี๋น้อย เตรียมยื่นหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นไอพีโอภายในปี 2567 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปี 2568 จากเดิมคาดภายในปีหน้า


ทั้งนี้ มองว่า สุกี้ตี๋น้อย ยังไม่มีความรีบร้อนในการระดมทุน เนื่องจากปัจจุบันมีเงินสดในมือพร้อมลงทุนราว 800-900 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบภายใน และการขยายสาขาเพิ่มเติมด้วย

อดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของกลุ่มเจมาร์ทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 2/66 หลังการตั้งสำรองหนี้เสียจำนวนมากของ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC และบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ใกล้จบ โดยเชื่อว่าหนี้จำนวนที่เหลือจะสามารถเจรจากลับมาได้ 80-90% ส่วนอีก 10% จะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่า จะทำให้ผลประกอบการจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในอนาคต


ขณะเดียวกัน บริษัทเชื่อว่าปี 2566 นี้ ผลประกอบการของกลุ่มเจมาร์ท จะสามารถมีกำไรได้ด้วยองค์ประกอบการเติบโตของบริษัทย่อยในกลุ่ม และการขยายธุรกิจใหม่ๆ  ซึ่งจะทำให้ฐานกำไรจะสูงขึ้น โดยยังมีอีกหลายบริษัทที่ทั้งมีการเติบโตดี กำลังเติบโต และเตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อขยายกิจการ เช่น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ที่สามารถทำผลประกอบการเป็นสถิติใหม่สูงสุดได้ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ J ventures ที่ยังสามารถทำกำไรได้ หรือแม้แต่ สุกี้ตี๋น้อย ที่ถือเป็นการลงทุนคุ้มค่าระยะยาว


“ไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ทุกท่านจะได้เห็นการกลับมาเติบโตของกลุ่มเจมาร์ท และจะเป็นฐานที่จะทำให้ทุกคนเห็นว่า ปีหน้าเราจะทำ All Time High ได้อย่างไร โดยมั่นใจว่า Earning ของบริษัทจะกลับมาเป็นบวกทั้งหมด” อดิศักดิ์ กล่าว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ