จับสัญญาณตลาดหุ้น เพื่อไทย จับมือ ภูมิใจไทย การเมืองชัดดึงเงินต่างชาติไหลเข้า

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

จับสัญญาณตลาดหุ้น เพื่อไทย จับมือ ภูมิใจไทย การเมืองชัดดึงเงินต่างชาติไหลเข้า

Date Time: 8 ส.ค. 2566 10:46 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • จับสัญญาณตลาดหุ้นไทย หลังพรรคเพื่อไทยแถลงจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย หนุนภาพการเมืองชัด นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ชี้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ต่อโอกาสการจัดตั้งรัฐบาล หนุนให้กระแสเงินทุนโดยเฉพาะต่างชาติมีโอกาสลุ้นพลิกกลับมาไหลเข้าอีกครั้ง

Latest


เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 66) พรรคเพื่อไทยแถลงจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ด้วยเสียงตั้งต้น 212 เสียง คือ พรรคเพื่อไทย จำนวน 141 เสียง และพรรคภูมิใจไทย จำนวน 71 เสียง ส่งผลให้ภาพรวมประเด็นการเมืองมีสัญญาณที่ดีขึ้น หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายเมื่อวานปรับตัวขึ้นมาได้


ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลของ 2 พรรคดังกล่าว อยู่ภายใต้หลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1) ไม่แตะต้องมาตรา 112 2) ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และ 3) ต้องไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ในกรอบ 1,525-1,540 จุด จากทั้งบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกที่ค่อนไปในทางบวก ขณะที่วานนี้มีแรงซื้อกลับระยะสั้นจากแนวรับหลัก 1,520 จุดโดยได้แรงหนุนจากพัฒนาการเชิงบวกในการจัดตั้งรัฐบาลหลังพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยแถลงจับมือวานนี้รวมกัน 212 เสียง


ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์คาดว่าจะเห็นพรรคการเมืองอื่นๆ หรือกลุ่มสส.ของบางพรรคทยอยประกาศเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อโอกาสการจัดตั้งรัฐบาลที่มีลุ้นได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ หนุนให้กระแสเงินทุนโดยเฉพาะต่างชาติมีโอกาสลุ้นพลิกกลับมาไหลเข้าอีกครั้ง


ปัจจัยที่ต้องติดตามคือศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 16 สิงหาคมนี้ว่าจะรับ หรือไม่รับ คำร้องกรณีเสนอชื่อโหวตคุณพิธาซ้ำ และการนัดโหวตนายกฯ รอบที่ 3 ของประธานรัฐสภา  


ส่วนการประกาศประกอบการไตรมาส 2/66 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวม มองเป็นไตรมาสที่ไม่โดดเด่น แต่หากออกมาไม่ต่ำกว่าคาด เชื่อว่าตลาดมีโอกาสมองข้ามไปยังภาพช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จนถึงปี 2567 ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ซึ่งมีโอกาสที่ดัชนีจะผ่านจุดต่ำสุดของรอบไปแล้วในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา


ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ระยะถัดไปเป็นหน้าที่ของทั้ง 2 พรรค ที่จะต้องหาเสียงสนับสนุนจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยพรรคอื่นที่คาดว่าจะถูกเชิญชวนมาร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า เป็นต้น ดังนั้น คาดทำให้มีเสียงรวมอยู่ 263 เสียง และต้องการเสียงจาก สส. และ สว. อีกอย่างน้อย 111 เสียง ถึงจะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ


ซึ่งประเด็นที่น่าติดตาม คือ ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาสั่งรับ หรือ ไม่รับ คำร้องปม เสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ ผิดญัตติหรือไม่ นัดประชุมวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ซึ่งทำให้ประธานสภาฯ ยังเลื่อนการโหวตนายกฯ รอบ 3 ออกไปโดยไม่มีกำหนด (หลัง 16 ส.ค. 66)


ประเด็นดังกล่าว ทำให้มีโอกาสจะเห็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์จากเดิม และเกิดภาวะสุญญากาศทางการเมืองในช่วงสั้น ทำให้ช่วงเวลาที่เร็วที่สุดที่จะได้รัฐบาลชุดใหม่ คาดอยู่ในช่วงเดือนกันยายน 2566 ซึ่งเป็นเวลาที่ใกล้เคียงการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2567 ซึ่งจะถูกเบิกจ่ายช่วง 1 ตุลาคม 2566 ถึง 30 กันยายน 2567 ทำให้ช่วงเวลาที่จะใช้ พิจารณางบประมาณอาจสั้นลง และใช้ประโยชน์ไม่ได้เท่าที่ควร ช่วงเวลาขณะนี้จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนในกรอบแคบ และมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลงได้


ขณะเดียวกัน ประเมินภาพการเมืองมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่มีความผันผวนอยู่บ้าง จากที่ยังไม่ทราบพรรคร่วมรัฐบาลที่ชัดเจน และจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ บวกกับศาล รัฐธรรมนูญจะพิจารณาร้องปมเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ ผิดญัตติหรือไม่


ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าว คาดเห็นกระแสเงินไหลเข้าของต่างชาติยังไม่ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ และมีโอกาสเห็นตลาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนในกรอบแคบช่วง 2 สัปดาห์นี้ โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ 1,520-1,545 จุด


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์