VGI หุ้นโฆษณายักษ์ใหญ่ เสี่ยงขาดทุนหนัก จากการรับรู้ผลงานย่ำแย่ของ เจมาร์ท และ เคอรี่

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

VGI หุ้นโฆษณายักษ์ใหญ่ เสี่ยงขาดทุนหนัก จากการรับรู้ผลงานย่ำแย่ของ เจมาร์ท และ เคอรี่

Date Time: 7 ส.ค. 2566 11:28 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • ราคาหุ้นของ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนที่ถือครองหุ้น VGI ต้องเจอกับผลการขาดทุนแล้วกว่าเกือบ 20% โดยนักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นของ VGI ปรับตัวลดลงแรงนั้น เกิดจากการคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของ VGI เสี่ยงขาดทุน ผลจากการรับรู้ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 199 ล้านหุ้น หรือ 13.66% และ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้น 269 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 15.45% ทำให้ VGI ต้องรับรู้ผลขาดทุนนั้นด้วย

หุ้น VGI ร่วงเกือบ 20%

 

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น VGI ปรับลงมาแรงกว่า -18% ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เราเชื่อว่าบริษัทจะขาดทุนหนักขึ้นเป็น 333 ล้านบาทขึ้นในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นลดลง เราน่าจะปรับประมาณการปี 2567 เป็นขาดทุนหนักขึ้นอีกจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงของบริษัทร่วม (JMART และ KEX) แต่ถึงแม้จะปรับลดประมาณการกำไรลงแล้ว ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่บริษัทร่วมเหล่านี้ไม่ได้สร้างมูลค่าใดๆ ให้ VGI เลย ราคาเป้าหมายยังคงอยู่ที่ 3.80 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้นในปัจจุบัน ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ VGI

 

คาด VGI จะขาดทุนหนักขึ้นเป็น 333 ล้านบาท

 

เราคาดว่าผลขาดทุนจากธุรกิจหลักของ VGI จะเพิ่มขึ้นเป็น 333 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 จากที่ขาดทุน 139 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 และจากที่ขาดทุน 260 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564  ซึ่งสาเหตุสำคัญยังคงเป็นเพราะผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมแย่ลง โดยเฉพาะ JMART และ KEX เราใช้สมมติฐานสำคัญในประมาณการ ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567

ดังนี้

 

 

KEX - JMART ย่ำแย่กระทบ VGI

1 ส่วนแบ่งผลขาดทุนจากบริษัทร่วมจะเพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านบาท จากขาดทุน 101 ล้านบาทใน ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 และจากขาดทุน 193 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 เพราะ KEX และ JMART ขาดทุนหนักขึ้น 

2 เราคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะลดลง 5% จากไตรมาสก่อน  โดยคาดว่ารายได้จากสื่อ OOH จะเพิ่มขึ้นทั้ง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อน และรายได้จากสื่อ OOH จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้รวมจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้า คิดเป็น 28% ของรายได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ที่ผ่านมา จะเป็นตัวฉุด ให้รายได้รวมลดลงจากไตรมาสก่อน โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้ลดลงยังคงเป็น Fanslink

 

3 อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 31% จาก 26% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 เนื่องจากมีรายได้จากสื่อ OOH (ซึ่งมี margin สูง) เพิ่มขึ้น

 

4 เราคาดว่าค่าใช้จ่าย SG&A จะยังอยู่ในระดับสูงที่ 596 ล้านบาท เหมือนกับใน ไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ซึ่งจะคิดเป็นสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 50%  

 

อย่างไรก็ตาม บล.กรุงศรี ชี้ว่า บริษัท น่าจะปรับลดประมาณการปี 2567 เป็นขาดทุนหนักขึ้น ถ้าผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 เป็นไปตามที่เราคาดไว้ ผลขาดทุนในปีนี้จะสูงกว่าประมาณการของเราที่ 190 ล้านบาท ถึงแม้เราจะมองบวกกับธุรกิจสื่อ OOH แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วม และบริษัทย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก JMART และ KEX ยังประเมินยาก ดังนั้น เราจึงน่าจะปรับลดประมาณการปี 2567 ลงอีกหลังจากที่บริษัทประกาศผลประกอบการรายไตรมาสออกมา

 

 

คงคำแนะนำ VGI ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.27 บาท

 

เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ร่วงลงมาแรงถึง 18% ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มอ่อนแอใน ไตรมาสที่ 1 ไปแล้ว ในขณะที่อาจจะมีการปรับลดประมาณการลงอีกจากบริษัทในเครือซึ่งได้แก่ JMART และ KEX เราประเมินราคาเป้าหมายของ VGI ที่ 4.27 บาท โดยใช้วิธี SoTP โดยประเมินมูลค่าในส่วนที่ VGI ถือหุ้นใน JMART และ KEX ที่ 0.54 บาท/หุ้น ซึ่งหากตัดมูลค่าส่วนนี้ออกไป ราคาเป้าหมายของเราจะอยู่ที่ 3.80 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ดี ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ VGI    

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ