หุ้น OR อ่วม โบรกฯ ปรับลดราคาเป้าหมาย รับกำไรขาย “น้ำมันปลีก” ลดลง คาดครึ่งปีหลังผลงานอ่อนแอ

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ้น OR อ่วม โบรกฯ ปรับลดราคาเป้าหมาย รับกำไรขาย “น้ำมันปลีก” ลดลง คาดครึ่งปีหลังผลงานอ่อนแอ

Date Time: 27 ก.ค. 2566 10:16 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • หุ้น OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เจอแรงกดดันอย่างหนัก โดยราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงจากต้นปีเกือบ 10% ท่ามกลางแรงกดดันของความผันผวนของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจากปีก่อนค่อนข้างมาก อาจกดดันให้กำไรในปี 2566 อาจไม่เติบโตได้อย่างหวัง

Latest


โดยล่าสุด นักวิเคราะห์ 2 บริษัทหลักทรัพย์ ได้ปรับราคาเป้าหมายของ หุ้น OR ลงสะท้อนกับปริมาณการขายน้ำมันที่ลดลง และในขณะเดียวกัน การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าส่งให้มาตรการช่วยเหลือของรัฐสะดุด และค่าการตลาดดีเซลชะลอ

 

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน เปิดเผยว่า บริษัทมีมุมมองต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 ของ OR จะออกมาที่ 2,780 ล้านบาท ลดลง 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน โดยทิศทางของกำไรจะออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ ปัจจัยสำคัญมาจาก ปริมาณขายปริมาณขาย น้ำมันแบบปลีก ต่ำกว่าคาด กดดัน กำไรขั้นต้นต่อลิตรที่ลดลง 41% จากปีก่อนและไม่มี กำไรสต๊อกก้อนใหญ่ นอกจากนี้การลดลง 6% ของอัตรากำไรน้ำมัน jet มาฉุด

 

ทั้งนี้จากความล่าช้าการจัดตั้งรัฐบาลส่งให้มาตรการช่วยเหลือของรัฐสะดุด และค่าการตลาดดีเซลชะลอ

ต่ำกว่าคาด โดยการลดลง เพราะ กำไรขั้นต้นต่อลิตร ที่ ลดลง 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไม่มี stock gain ก้อนใหญ่ ทั้งนี้จากความล่าช้าการจัดตั้งรัฐบาลส่งให้มาตรการช่วยเหลือของรัฐสะดุด และค่าการตลาดดีเซลชะลอ

 

บล.ได้ปรับลด กำไรขั้นต้นต่อลิตร ลง -5% และประมาณการกำไรปกติ 2566-2567 ลง 8-9% พร้อมกับปรับราคาที่เหมาะสมของหุ้นเป็น 25.0 บาท จากเดิม 26 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ มองระยะสั้นที่มีแรงกดดันจากแนวโน้มไตรมาสที่ 2 ชะลอ และมาตรการรัฐยังไม่ชัดเจน จะเป็นโอกาสซื้อรับการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังและปี 2567 ทั้งฝั่ง Mobility และ Lifestyle  

 

 

 

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ประเมินว่า OR รายงานผลดำเนินงานไตรมาสที่ 2 อ่อนตัวลงเหลือ 2.5 พันล้านบาท ลดลง 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 16% จากไตรมาสก่อน โดยลดลงค่อนข้างมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากครึ่งปีแรกของปีก่อนที่ค่าการตลาดสูงผิดปกติ จากความผันผวนของราคานํ้ามันจากวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน  

สำหรับทิศทางไตรมาสที่ 3 นั้น ปริมาณขายน้ำมันคาดว่าจะอ่อนตัวตามผลของฤดูกาลที่เป็นช่วงหน้าฝนและช่วงไตรมาสที่ 4 อาจจะมีค่าใช้จ่ายปลายปีที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลงเหลือ 1.1 และ 1.2 หมื่นล้านบาทตามลำดับ เป็นการปรับลดสมมติฐานปริมาณขายและค่าการตลาดลง

 

ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 29.50 บาท จาก 2 ส่วนคือ 1) จากมูลค่าธุรกิจปัจจุบัน 18.00 บาท (พี/อี 20เท่า) บวก ด้วย 2) มูลค่าปัจจุบันของเงิน IPO ที่ไปลงทุนในอนาคตด้วยอัตราคิดลด 11.50 บาท

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์