ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO วันนี้ปรับตัวลงรุนแรง สวนทางดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเป็นบวกเล็กน้อย หลังเจอแรงเทขายจากนักลงทุน หลังมีบริษัทหลักทรัพย์ ปรับคำแนะนำเป็น “ขาย” พร้อมประเมินกำไรเติบโตไม่โดดเด่น
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น RATCH และ EGCO วันนี้ที่ปรับตัวลดลงมา จากแรงเทขายจากนักลงทุน คาดแนวโน้มผลประกอบการเติบโตได้ไม่เด่นเมื่อเทียบกับกลุ่ม ถึงแม้จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และภาพของกำไรถูกฉุดด้วยผลกระทบของค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ในไตรมาสที่ 2/66 อาจได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับมีบริษัทหลักทรัพย์บางแห่ง ปรับลดคำแนะนำลง ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตาม
แต่อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของเรายังไม่เห็นปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ นอกจากสองเรื่องดังกล่าว และยังคงมองว่าหุ้นสองตัวดังกล่าว ยังคงมีความน่าสนใจ แม้ภาพรวมผลประกอบการปีนี้อาจไม่ได้โดดเด่นมากในเชิงของการเติบโต แต่ปัจจุบันหุ้นซื้อขายด้วย Valuation ที่ต่ำ และมีโอกาสได้รับเงินปันผลด้วย
นอกจากนี้ ในสถานการณ์ลงทุนปัจจุบัน มองว่ายังมีความกังวลในหุ้นกลุ่มที่ซื้อขายด้วยมูลค่า หรือมี P/E ในระดับสูง ซึ่งอาจได้รับแรงกดดันจากภาวะกระแสเงินทุนไหลออก
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต ระบุปรับคำแนะนำ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ลงเป็น “ขาย” และปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 120 บาท เพื่อสะท้อนอัตรากำไรที่ต่ำกว่าคาดจากโครงการที่ซื้อกิจการเข้ามาใหม่และความล่าช้าในการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ มองว่า EGCO ยังคงไม่น่าสนใจแม้ซื้อขายที่ระดับราคาต่ำแล้ว แต่มีกำไร และ ROE ที่ลดลง
ส่วน บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) ปรับลดคำแนะนำ RATCH ลงเป็น “ขาย” เช่นเดียวกัน เนื่องจากมองว่ากำไรจะมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 68 เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ที่มีอัตรากำไรสูงทยอยหมดอายุลง และเชื่อว่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับ RATCH ที่จะหาโครงการใหม่มาทดแทนได้เพียงพอ ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 33 บาท จากความล่าช้าและผลตอบแทนต่ำกว่าคาดจากโครงการที่เพิ่งซื้อมา