ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยล่าสุดราคาหุ้นอยู่ที่ 33.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือลดลง 7.04% โดยในมุมของบริษัทมองว่า ทิศทางของผลการดำเนินงานยังเติบโตต่อเนื่อง และเน้นการเจรจาเพื่อเก็บหนี้มีกว่าที่ฟ้องคดี
โดย นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจบริษัทยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารพอร์ตหนี้ที่ JMT ประมูลเข้ามามีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การรับรู้รายได้ของบริษัทฯ สูงขึ้น ขณะที่ภาพรวมการจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) สามารถทำได้ตามเป้าหมาย และเน้นการเจรจากับลูกค้าเพื่อเร่งรัดหนี้
"แนวโน้มไตรมาส 2/2566 มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเน้นไปที่การเจรจากับลูกค้า หาทางออกให้กับลูกค้าอย่างเหมาะสม การซื้อหนี้ในอดีตที่ผ่านมา JMT เข้าไปช่วยลูกค้าในการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนมาก และสามารถกลับสู่อุตสาหกรรมการเงิน"
ส่วนทิศทางครึ่งปีหลัง 2566 จะเติบโตต่อเนื่อง ภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพในระบบส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2565 และคาดว่าจะพีกในปีนี้ และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จึงมองว่าสถาบันการเงินต่างๆ จะทยอยเปิดประมูลหนี้ด้อยคุณภาพออกมา ประกอบกับสิ้นสุดมาตรการพักชำระ ส่งผลให้ภาพรวมหนี้ในระบบในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่หลักแสนล้านบาท ยังมีโอกาสให้ JMT ซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มเติม
ล่าสุด JMT ได้ประกาศปิดดีลซื้อหนี้ มูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบัน JMT มีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 440,000 ล้านบาท นอกจากนี้ JMT อยู่ระหว่างการยื่นประมูลซื้อหนี้เพิ่มเติมอีกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 มุ่งเน้นหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) เนื่องจากสถานการณ์ของตลาดหนี้ด้อยคุณภาพจะยังคงมี Supply ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ พร้อมจะเป็นพาร์ตเนอร์กับสถาบันการเงินทุกราย โดย JMT ตั้งเป้างบลงทุนซื้อหนี้ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท ทั้งหนี้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน และย้ำความมั่นใจเป้าหมายปีนี้ กำไรจะเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 30%.