แกะรอยระบบเทรดหุ้น HFT จุดจบสายเก็งกำไร ที่ทำให้รายย่อยอาจต้อง “เลิกเล่นหุ้น”

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

แกะรอยระบบเทรดหุ้น HFT จุดจบสายเก็งกำไร ที่ทำให้รายย่อยอาจต้อง “เลิกเล่นหุ้น”

Date Time: 3 ก.ค. 2566 13:07 น.

Video

เปิดภารกิจ 3 แบงก์ไทย ใช้ Green Finance ช่วยลูกค้าปรับตัวฝ่า ระเบียบโลกใหม่ | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • High Frequency Trading หรือ HFT คือ ระบบการส่งคำสั่งซื้อขายที่มีความถี่สูง อาศัยความเร็วของเทคโนโลยีเพื่อกำหนดและดำเนินการซื้อขายในระยะเวลาที่สั้นมาก ปัจจุบันกระทบนักเก็งกำไรรายย่อยอย่างมาก จากไม่สามารถเอาชนะความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายได้

Latest


High Frequency Trading หรือ HFT คือ ระบบการส่งคำสั่งซื้อขายที่มีความถี่สูง อาศัยความเร็วของเทคโนโลยีเพื่อกำหนดและดำเนินการซื้อขายในระยะเวลาที่สั้นมาก และโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะใช้ข้อมูลราคาหุ้นเพื่อวิเคราะห์และทำการซื้อขายหุ้นอัตโนมัติ ในระยะเวลาที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้เอง


ระบบ HFT ใช้เทคโนโลยีเชิงอัลกอริทึมที่มีความซับซ้อนในการวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจ มีการใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ เช่น การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ (real-time analysis) และการระบุแนวโน้มของราคา (trend detection) เพื่อทำการซื้อขายในขณะที่ราคาเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงสั้นๆ ภายในเวลาเพียงไม่กี่มิลลิวินาทีหรือนาโนวินาที เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น


นักลงทุนรายย่อยบางรายอาจมีความกังวลต่อระบบดังกล่าว โดยเฉพาะนักลงทุนที่มีการซื้อขายหุ้นเพื่อเก็งกำไรรายวัน และนักลงทุนระยะสั้นเพราะระบบ HFT จะเข้ามาช่วงชิงความได้เปรียบด้านระยะเวลาในการซื้อขายหุ้นหรือไม่


นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า ระบบ HFT หรือ Algorithm trade จะทำให้นักลงทุนไทยลงทุนยากขึ้น และจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมากกว่าปกติ เนื่องจากโปรแกรมเทรดดังกล่าวจะไม่สนใจธีมในการลงทุนโดยภาพรวม และการส่งคำสั่งซื้อขายถี่ๆ จากส่วนต่างราคาหุ้นนั้น จะทำให้มีการขึ้นลงของราคาหุ้นอยู่ตลอดเวลา


อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการซื้อขายจากระบบ HFT ที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทย มีความสอดคล้องกับเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นเม็ดเงินจากกลุ่มนักลงทุนที่ตลาดชื่นชอบ ดังนั้น การไหลเข้าของเม็ดเงินผ่านระบบเทรดดังกล่าวก็มีข้อดี คือ ช่วยส่งเสริมสภาพคล่องในตลาดให้มากขึ้น


ทั้งนี้ แนะนำแนวทางในการรับมือ HFT คือการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง รวมถึงใส่ใจในหลักของการดำเนินธุรกิจที่มีการดูแลสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และมีธรรมภิบาล หรือ ESG ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือได้ในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก อีกทั้งหุ้นกลุ่มนี้มักมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจต่ำ ทำให้สามารถลงทุนได้อย่างสบายใจมากขึ้น


ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จํากัด กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนการซื้อขายหุ้นของ Algorithmic Trading มีการขยายตัวอย่างรุนแรง ซึ่ง HFT ถือเป็นองค์ประกอบหลักในนั้น โดยมีสัดส่วนกว่า 40% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด จากอดีตในปี 2564 อยู่ที่ราว 20% เท่านั้น


ขณะเดียวกันสัดส่วนการซื้อขายหุ้นผ่านระบบ HFT ที่อยู่ในระดับสูงขนาดนี้ มองว่ามากเกินไป เพราะจะทำให้สามารถควบคุมทิศทางของตลาดหุ้นได้ จาก HFT มีการส่งคำสั่งซื้ออย่างรวดเร็ว รวมถึงมีการจับสัญญาณความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้แม่นยำ


ซึ่งการใช้ระบบ HFT ในการซื้อขายหุ้นนั้น มองว่าจะส่งผลเสียต่อตลาดหุ้นไทย  แม้ปัจจุบันจะกระจุกตัวอยู่ในนักลงทุนไม่กี่กลุ่ม แต่นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ ส่งผลให้นักลงทุนบางกลุ่มมีอิทธิพลสูง เพราะมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 40%


นอกจากนี้มองว่าการใช้ระบบ HFT จะกดดันทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่สามารถเติบโตไปได้ จากระบบดังกล่าวพัฒนาไปรวดเร็วมากสวนทางกับตลาดหุ้นไทย จะเห็นได้จากสมัยแรกที่มีการนำเข้ามาใช้ ตลาดก็มีการเติบโตตามสภาพ โดยมีมูลค่าซื้อขายต่อวันรวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท และมีบัญชีนักลงทุน Active กว่า 8.5 แสนบัญชี 


แต่ตอนนี้หลังจากที่มี HFT เติบโตอย่างมาก ปัจจุบันมีมูลค่าซื้อขายต่อวันเพียง 4 หมื่นล้านบาท บัญชี Active ราว 4 แสนบัญชี และการลดลงของมูลค่าการซื้อขายรวมนั้น สอดคล้องกับมูลค่าซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยที่มีสัดส่วนลดลงเหลือเพียง 30% ของตลาด จากเดิมอยู่ที่ 45-65% นั้นหมายความว่า “รายย่อยตาย” เม็ดเงินจากนักลงทุนรายย่อยจึงหายไป


นายประกิต กล่าวอีกว่า ไม่มีวิธีใดสามารถรับมือได้กับระบบ HFT ซึ่งแนะนำนักลงทุนระยะสั้นและนักเก็งกำไรรายวันให้หลีกเลี่ยง หรือ “ไม่ต้องเล่น” เพราะไม่มีวันชนะระบบการส่งคำสั่งซื้อที่รวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งต้องมีแนวทางการแก้ไขกฎเกณฑ์บางอย่างจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยไม่เสียเปรียบจนเกินไป


อย่างไรก็ดี แนะนำนักลงทุนให้เน้นการลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก ในหุ้นที่มีพื้นฐานดี ซึ่งเชื่อว่าหากไม่มีการซื้อขายหุ้นรายวันแล้ว จะทำให้มูลค่าการซื้อขายเบาบางลง นั่นอาจกระตุ้นทำให้ตลาดหลักทรัพย์มีการออกมาตรการบางอย่างเพื่อหาวิธีแก้ไขกับระบบ HFT


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ