TPL ฟอร์มสุดปังเปิดพุ่ง 78% ผู้บริหารชี้ 9 ขาใหญ่แค่ลงทุน ไม่มีดีลธุรกิจระยะยาว

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

TPL ฟอร์มสุดปังเปิดพุ่ง 78% ผู้บริหารชี้ 9 ขาใหญ่แค่ลงทุน ไม่มีดีลธุรกิจระยะยาว

Date Time: 30 มิ.ย. 2566 13:15 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL ในการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันนี้ปิดตลาดปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5.90 บาท หรือปรับเพิ่ม 78% จากราคาเสนอขายไอพีโอที่ 3.30 บาท ก่อนทำราคาสูงสุดแตะ 7.15 บาท หรือพุ่งกว่า 116%

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL ในการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันนี้ (30 มิถุนายน 2566) เปิดตลาดปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5.90 บาท หรือปรับเพิ่ม 78% จากราคาเสนอขายไอพีโอที่ 3.30 บาท ก่อนทำราคาสูงสุดแตะ 7.15 บาท หรือพุ่งกว่า 116%


ขณะเดียวกัน ข้อมูลผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบรายชื่อนักลงทุนรายใหญ่และบริษัทจดทะเบียน เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TPL หลายราย ได้แก่

บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA ถืออยู่ 140,070,200 หุ้น หรือ 26.73%

นายสุระ คณิตทวีกุล ผู้บริหาร COM7 ถืออยู่ 20,000,000 หุ้น หรือ 3.82%

นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ผู้บริหาร SYNNEX ถืออยู่ 17,500,000 หุ้น หรือ 3.34%

นายบัญชา พันธุมโกมล ผู้ถือหุ้นใหญ่ COM7 ถืออยู่ 14,500,000 หรือ 2.77%

นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี นักลงทุน ถืออยู่ 10,000,000 หุ้น หรือ 1.19% 

นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ผู้บริหาร PLANB ถืออยู่ 8,500,000 หุ้น หรือ 1.62%

นายวรพจน์ อํานวยพล ผู้บริหาร SKY ถืออยู่ 8,500,000 หุ้น หรือ 1.53%

นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี นักลงทุน ถืออยู่ 8,000,000 หุ้น หรือ 1.53%

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ผู้บริหาร MFEC ถืออยู่ 6,600,000 หุ้น หรือ 1.26%


นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เปิดเผยว่า สำหรับกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่เป็น Value Investor ซึ่งเป็นบุคคลที่เข้ามาถือหุ้นนั้น มีการลงทุนในบริษัทมาก่อนหน้ากว่า 2-3 ปีแล้ว โดยมองว่าเขาเห็นศักยภาพในการดำเนินงานของเราขณะนั้น และเห็นโอกาสในการเติบโต จึงมีการเข้าลงทุนในบริษัท และตอนนี้หลังจากที่บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ทำให้ศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของเราดีขึ้น และเห็นโอกาสในการเติบโตชัดเจนขึ้น ทำให้เชื่อว่ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่จะยังมีความความเชื่อมั่นและถือหุ้น TPL ต่อไป


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มนักลงทุนหลายรายต่างก็เป็นผู้ประกอบการ ได้มีการพูดคุยกันในความร่วมมือเชิงธุรกิจหรือไม่ นายภัทรลาภ ตอบว่า ยังไม่มีการพูดคุยในรายละเอียดขนาดนั้น โดยมองว่าปัจจุบันยังเป็นลักษณะการลงทุนเพียงอย่างเดียว (Pure Investor) แต่การเสนอความร่วมมือทางธุรกิจถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่ได้มีอะไรพิเศษ


สำหรับราคาหุ้นวันนี้ที่ปรับตัวขึ้นมา เหนือความคาดหมายไปเยอะ อย่างไรก็ดี ต้องขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นกับ TPL ซึ่งที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทสามารถเติบโตได้ทุกปี ซึ่งปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 15% และสามารถเติบโตได้มากกว่าภาพรวมตลาดเล็กน้อย เนื่องจากตลาดขนส่งที่บริษัทให้บริการอยู่ในกลุ่ม Niche Market โดยเชี่ยวชาญการขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะ รูปทรงไม่มาตรฐาน และสามารถขนส่งได้ถึงหน้าบ้าน


ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปลงทุนซื้อยานพาหนะ สถานีชาร์จไฟ และอุปกรณ์เพื่อรองรับการนำรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้งาน ซื้อที่ดินและก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าและจุดให้บริการ ลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ชำระหนี้คืนแก่สถาบันการเงิน ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านโลจิสติกส์


ด้านนายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า หุ้นของ TPL ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก จากมีนักลงทุนมีความต้องการหุ้นเข้ามา และส่วนมากเป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ โดยบริษัทก็เปิดโอกาสให้เขาเข้ามาจองซื้อหุ้นไอพีโอ


ทั้งนี้กลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ที่ได้จัดสรรหุ้นไอพีโอเข้ามาเพิ่มตามเกณฑ์นั้น ส่วนมากเป็นเจ้าของกิจการ และให้ความสนใจจากธุรกิจของบริษัทมีความแตกต่างจากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์โดยทั่วไป


ขณะเดียวกัน มองว่าราคาที่เปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอที่ 3.30 บาท ก็เป็นราคาที่ดี เนื่องจากมีแนวทางการเติบโตที่ชัดเจนจากข้อมูลที่เปิดเผยในหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง)


“นักลงทุนรายใหญ่ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาซื้อขายอยู่แล้ว เขาคงถือกันยาว ส่วนที่สองคืออาจจะมีโอกาสที่เป็นพันธมิตรกันในภายหน้าก็ได้ เพราะว่าด้วยความที่ธุรกิจยืดหยุ่นมากในเรื่องบริการ และเรื่องการเป็นผู้นำในการนำรถอีวีเข้ามาใช้ ได้เรื่อง ESG เต็มๆ ด้วย” นายวรนันท์ กล่าว


นอกจากนี้ การลดต้นทุนโดยการนำรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มาใช้แทนรถยนต์น้ำมันดีเซล ถือเป็นจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีความน่าสนใจ เพราะปัจจุบันแนวโน้มราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง อีกทั้งระบบบริการส่งพัสดุเรียกเก็บเงินปลายทาง Cash on Delivery (COD) มีการควบคุมจัดการอย่างดี


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ