STARK แจ้งตลาดฯ เล็งยื่นศาลล้มละลาย เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ ขอให้เจ้าหนี้ระงับการใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ พร้อมปรับโครงสร้างหนี้-ทุน โดยให้เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนและออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมหรือหานักลงทุนรายใหม่มาเพิ่มทุน ด้าน ก.ล.ต.ท่องคาถากำลังตรวจสอบการกระทำผิด ยันหาก STARK ยื่นศาลล้มละลาย ไม่กระทบการบังคับใช้กฎหมาย
นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตามที่บริษัทได้นำส่งงบการเงินปี 65 ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีและปรากฏว่าส่วนของผู้ถือหุ้นปี 64 (ปรับปรุงใหม่) และปี 65 มีค่าน้อยกว่าศูนย์นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงประกาศให้หลักทรัพย์ของบริษัทมีเหตุเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ดังนั้น บริษัทจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขเหตุเพิกถอน โดยมีความตั้งใจที่จะปรับโครงสร้างทุนและโครงสร้างหนี้ ทั้งของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจหลัก เพื่อทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท มีค่ามากกว่าศูนย์และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติ
โดยมีแนวทางแก้ไขดังนี้ 1.เจรจากับเจ้าหนี้ที่สำคัญทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหนี้ระงับการใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้โดยพลัน และสนับสนุนแผนการปรับโครงสร้างทุนและโครงสร้างหนี้ของบริษัท รวมถึงให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อวางแผนการบริหารการชำระหนี้ และวางแผนธุรกิจทั้งในระยะสั้นและยาว 2.จำหน่ายทรัพย์สิน (เช่น หุ้นในบริษัทย่อยที่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจหลัก, สิทธิเรียกร้องในสัญญาที่สำคัญ) และปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มรายได้และลดต้นทุนคงที่ (fixed cost) และค่าใช้จ่ายของบริษัท 3.เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในปัจจุบัน หรือหานักลงทุนรายใหม่เพื่อเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท 4.ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลาย เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ ปรับโครงสร้างทุนและโครงสร้างหนี้ของบริษัท รวมถึงให้สิทธิการแปลงหนี้เป็นทุนแก่เจ้าหนี้ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ โดยบริษัทจะแจ้งรายละเอียดและแผนทั้งหมดวันที่ 19 ก.ค.66
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯแจ้งว่า จะขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขายหุ้น STARK อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.66 จนกว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขเหตุเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนและทำให้บริษัทมีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ
ด้านนายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า ในระหว่างนี้ หาก STARK ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต. เพราะตามหลักการจะแยกออกจากกันชัดเจน ส่วนความคืบหน้าของการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดนั้น ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ “หน้าที่ ก.ล.ต.คือเร่งตรวจสอบการกระทำผิด เพื่อบังคับใช้กฎหมาย แต่ลงในรายละเอียดไม่ได้” นายธวัชชัย กล่าว.